มติ ครม. 28 มกราคม 2552 ที่เกี่ยวข้องกับ ศธ.

 ัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๒ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ ๔ เรื่อง คือ การปรับปรุงระบบการบริหารจัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.),  การขยายโครงการนมโรงเรียน, การดำเนินงานตามโครงการต่างๆ ของ ศอ.บต.  และแต่งตั้งนายศุภชัย  บัญชาศึก เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวนริศรา  ชวาลตันพิพัทธ์)



เห็นชอบการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)


รมว.ศธ.กล่าวว่า ครม.เห็นชอบอนุมัติงบประมาณ ๑ หมื่นล้านบาท ให้กับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งจะทำให้ กยศ. ได้รับงบประมาณเพิ่มรวมเป็น ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท ถือว่าเพิ่มจากเดิมที่ กยศ.วางแผนไว้ ๓๒,๐๐๐ ล้านบาทอีกเพียง ๔,๐๐๐ ล้านบาทเท่านั้น โดยวงเงินดังกล่าวจะทำให้นักศึกษาสามารถกู้เงินได้เพิ่มเติมประมาณ ๓๕๓,๐๐๐ ราย ซึ่งจะส่งผลให้เพิ่มยอดที่นักศึกษาที่ได้รับเงินกู้รวมทั้งสิ้น ๙๘๑,๕๒๐ รายนอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษาที่ไม่ได้กู้ยืมเงินตั้งแต่ปี ๑ ในระดับอุดมศึกษา มัธยมศึกษา และ ปวช. สามารถกู้ได้โดยเริ่มที่ชั้นปีที่ ๒-๔ ได้ ส่วนสายอาชีพสามารถกู้ได้ในระดับชั้น ปวส.


ครม.ยังเห็นชอบมาตรการจูงใจให้นักศึกษากู้ยืมในสายอาชีพมากขึ้น จากเดิมสัดส่วนระหว่างสายสามัญและสายอาชีพอยู่ที่ ๖๐ : ๔๐ โดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะหามาตรการจูงใจเพิ่มสัดส่วนเป็น ๕๐ : ๕๐ พร้อมทั้งส่งเสริมให้นักศึกษากู้เงินยืมเรียนได้อีก ๔๐๐ สาขาวิชาที่ขาดแคลนและมีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ


ส่วนด้านหลักเกณฑ์ของการกู้ยืมยังเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดิมสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๑ คือ เป็นผู้ที่มีรายได้น้อยและยากจน ผู้ปกครองมีรายได้น้อยต่ำกว่าเกณฑ์  โดย ศธ.จะเร่งดำเนินการการกู้เงินให้เร็วขึ้น คือ หากผู้กู้มีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์ก็จะอนุมัติได้ภายในเวลา ๓ เดือน รวมทั้งค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพด้วย


ในกรณีที่จำนวนผู้กู้มีไม่ถึงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ จะขยายวงเงินให้กับผู้กู้รายอื่นๆ เพิ่ม โดย กยศ.จะร่วมมือกับ ศธ.และสถานประกอบการต่างๆ เพื่อหาตำแหน่งงาน และจัดทำโครงการรณรงค์ให้รุ่นพี่ใช้หนี้คืน เพื่อให้รุ่นน้องได้มีโอกาสเรียนด้วย


รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ครม.ได้เน้นย้ำว่านโยบายนี้ถือเป็นการสนองต่อนโยบายรัฐบาลในเรื่องการเปิดโอกาสให้เด็กได้เข้าถึงการศึกษา จากนี้ไปจะเป็นขั้นตอนของการปฏิบัติ ซึ่ง กยศ.จะต้องปรับเปลี่ยนระเบียบต่างๆ ให้เสร็จสิ้นภายใน ๑๕ วัน เนื่องจากใกล้จะถึงปีการศึกษา ๒๕๕๒ แล้ว ส่วนจะต้องแก้กฎหมายหรือไม่นั้นเป็นรายละเอียดที่ กยศ.ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมติ ครม.ต่อไป


น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มว่าวงเงิน ๓๖,๐๐๐ ล้านบาทนี้ จะเพียงพอสำหรับปล่อยกู้ต่อเนื่องให้ลูกหนี้เก่า ๖๒๘,๕๒๐ ราย และผู้กู้รายใหม่ ๓๕๓,๐๐๐ ราย รวมทั้งหมด ๙๘๑,๕๒ ราย โดยจำแนกดังนี้















































ระดับ
การศึกษา


รายเก่า
ชั้นปีอื่น


ชั้นปีที่ ๑


รวม


รายเก่า


รายใหม่


ม.ปลาย


๘๐,๗๐๘



๘๐,๐๐๐


๒๖,๐๐๐


๑๘๖,๗๐๘


ปวช.


๗๐,๙๙๒



๖๕,๐๐๐


๔๖,๐๐๐


๑๘๑,๙๙๒


ปวท./ปวส.


๕๔,๘๒๓


๒๙,๐๐๐


๔๐,๐๐๐


๑๓,๐๐๐


๑๓๖,๘๒๓


อนุปริญญา/ปริญญาตรี


๓๑๗,๙๙๗


๗๕,๐๐๐


๕๐,๐๐๐


๓๓,๐๐๐


๔๗๕,๙๙๗


รวม


๕๒๔,๕๒๐


๑๐๔,๐๐๐


๒๓๕,๐๐๐


๑๑๘,๐๐๐


๙๘๑,๕๒๐



ทั้งนี้ จะเสนอให้ปล่อยกู้โดยพิจารณาเด็กที่เลือกเรียนในสาขาวิชาที่ขาดแคลนและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานก่อน โดยในสายอาชีวศึกษามี ๑๐๐ หลักสูตร และอุดมศึกษา  ๔๐๐ หลักสูตร ซึ่งจะเน้นปล่อยกู้ในสายอาชีพมากขึ้น เพื่อให้อยู่ที่สัดส่วนสายอาชีพต่อสายสามัญเป็น ๕๐ : ๕๐


สำหรับงบประมาณที่จะนำมาปล่อยกู้นั้น ครม.ได้เห็นชอบให้ กยศ.นำเงินที่ผู้กู้ชำระคืนเงินกู้มาสมทบจำนวน ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท สมทบกับงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้ พร้อมทั้งให้ กยศ. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุน โดยให้ดำเนินการปล่อยกู้แบบ First come first serve ซึ่งไม่จำเป็นต้องรอปล่อยกู้พร้อมกันเป็นกลุ่ม


นอกจากนี้ รมว.ศธ.ยังได้เสนอในที่ประชุม ครม. ห้ กยศ.จัดสรรเงินค่าครองชีพให้ถึงมือผู้กู้ภายในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๒ และให้โอนค่าเทอมไปถึงสถานศึกษาภายในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๒ เพื่อไม่ต้องการให้เกิดความล่าช้าในการจัดสรรเงินเช่นในอดีตอีกต่อไป


ส่วนการขยายเวลาการขำระคืนหนี้จาก ๑๕ ปีเป็น ๒๐ ปีนั้น ให้ ศธ.ร่วมมือกับ กยศ.จัดให้มีการพัฒนาทักษะและส่งเสริมอาชีพสำหรับลูกหนี้ที่เรียนจบแล้วแต่ยังไม่มีงานทำ พร้อมร่วมกันการรณรงค์สร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบในการขำระหนี้คืนแก่เด็กอีกทั้ง ยังขอให้ กยศ.เพิ่มช่องทางจัดสรรเงินสู่เด็กผ่านธนาคารอิสลามกลางด้วย จากเดิมที่จะจัดสรรเงินผ่านธนาคารกรุงไทยเท่านั้น เพื่อความสะดวกแก่ลูกหนี้ที่เป็นนักศึกษามุสลิม


เห็นชอบการขยายโครงการนมโรงเรียน


ครม.ได้เห็นชอบการขยายโครงการนมโรงเรียน ตามที่ ศธ.เสนอ จากเดิมที่ครอบคลุมนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล-ป.๔ เพิ่มเป็นครอบคลุมถึง ป.๕ และ ป.๖ ด้วย ซึ่งจะทำให้มีนักเรียนที่จะได้ดื่มนมโรงเรียนเพิ่มขึ้นอีก ๒ ล้านคน เป็นทั้งหมด ๗ ล้านคน โดยจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นกว่า ๓,๐๐๐ ล้านบาท รวมงบประมาณทั้งสิ้น ๑๑,๐๐๐ ล้านบาท


ทั้งนี้ จะจัดสรรงบประมาณผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เช่นเดิม และเริ่มดำเนินการได้ในปีงบประมาณ ๒๕๕๓ ซึ่งจะทำให้เด็กอนุบาล – ป.๖ ทุกคน ได้ดื่มนมโรงเรียนในภาคเรียนที่ ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๒


การดำเนินงานตามโครงการต่างๆ ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)


ครม.อนุมัติหลักการการดำเนินโครงการต่างๆ ของ ศอ.บต.รวม ๙ โครงการ ประกอบด้วย


๑) กิจกรรมห้องเรียนนักเรียน ศอ.บต.


๒) กิจกรรมครอบครัวอุปถัมภ์เพื่อการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน  ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้


๓) โครงการเรียนดีมีสุขกับโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ยะลา


๔) กิจกรรมให้ความร่วมมือทางการศึกษาแก่เยาวชนในเขตพัฒนาเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้


๕) โครงการพัฒนาผู้สอนอิสลามศึกษา (อุสตาซ) ที่จบปริญญาตรีศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตศึกษา (ป.บัณฑิต) สาขาวิชาชีพครู


) โครงการสนับสนุนผู้จบการศึกษาระดับอาชีวะศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น


) กิจกรรมจัดสรรทุนการศึกษาและสนับสนุนอุปกรณ์การศึกษา


๘) โครงการส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปประกอบพิธีฮัจย์


๙) โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล


สำหรับการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้ ศอ.บต. ประสาน ศธ.เพื่อจัดสรรทุนการศึกษาประเภทเดียวกันให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และการเบิกจ่ายเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ สำหรับงบประมาณที่จะต้องใช้จ่ายในแต่ละปีซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในแต่ละรายการ  เห็นควรดำเนินการตามความต้องการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและความเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป


แต่งตั้งข้าราชการการเมือง


ครม.อนุมัติตามที่ ศธ.เสนอแต่งตั้ง นายศุภชัย  บัญชาศึก เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวนริศรา  ชวาลตันพิพัทธ์) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๒ เป็นต้นไป


บัลลังก์ โรหิตเสถียร
นงศิลินี โมสิกะ
สรุป/รายงาน