23 กรกฎาคม 2561 – นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำลังดำเนินการแก้ปัญหาภาระงานครูที่มากเกินไป เช่น งานเอกสาร งานจัดซื้อจัดจ้าง งานธุรการ เป็นต้น ทำให้ครูไม่มีเวลาอยู่กับเด็กหรือสอนเด็กได้ไม่เต็มที่ โดยที่ผ่านมาได้มีการพยายามแก้ปัญหาด้วยการจ้างนักธุรการหรือให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเข้ามาช่วย ซึ่งก็ได้ข้อสรุปที่สำคัญคือ เราต้องรู้ว่าหน้าที่ของครูคืออะไร เพราะหน้าที่ของครูคือการสอนและเตรียมการสอน ส่วนงานธุรการเป็นหน้าที่รอง หากมีเวลาว่างจากการทำหน้าที่ครูก็ไปช่วยงานธุรการได้ ในขณะที่ผู้ที่มีหน้าที่ด้านธุรการจริง ๆ คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
จากการหารือก็เห็นว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาก็ยอมรับหน้าที่ส่วนนี้ พร้อมเป็นผู้เสนอว่าต่อไปนี้งานธุรการหรือการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจะเป็นผู้รับผิดชอบ หากคนไม่พอก็ต้องแก้ปัญหาภายใน อีกทั้งหน่วยงานส่วนกลางก็ต้องไม่นำภาระไปให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามากเกินไป เช่น ระบบประเมินโครงการต่าง ๆ ซึ่งมีนับร้อยและทำให้ครูไม่ได้เข้าห้องเรียน โดยให้ตั้งหลักว่าใครมีหน้าที่อะไร หากจะเพิ่มคนที่ทำงานธุรการมีงบประมาณเพียงพอหรือไม่หรือต้องจ้างเพิ่มจำนวนทั้งหมดกี่คน ให้ศึกษาและวิเคราะห์ภาพรวมทั้งหมด
สำหรับระบบการประเมินและประกันคุณภาพก็มีกฎหมายใหม่แล้ว ขอให้ทุกคนทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า รูปแบบการประกันคุณภาพจะดำเนินการในลักษณะให้เกรด 5 ระดับ ตามแนวทางการประเมินของโรงเรียนประชารัฐ คือ เกรด 1 โรงเรียนที่กำลังพัฒนา (Developing) เกรด 2 ปานกลาง (Fair) เกรด 3 ดี (Good) เกรด 4 ดีเลิศ (Great) และเกรด 5 ยอดเยี่ยม (Excellent)โดยให้ผู้อำนวยการโรงเรียนพิจารณาว่าโรงเรียนของตนอยู่เกรดระดับใด พร้อมเขียนรายงานและแสดงหลักฐานประกอบ และเมื่อรู้ว่าโรงเรียนของตนอยู่ระดับใด ให้เขียนแผนหรือแนวทางการพัฒนาให้ดีขึ้น โดยจะไม่มีการประเมินด้วยกระดาษที่กำหนดตัวชี้วัดต่าง ๆ ไปเพิ่มภาระให้ครูที่โรงเรียนอีกแล้ว
สำหรับการปฏิรูปการศึกษานั้น ให้คำนึงถึงสิ่งที่เป็นรูปธรรม 3 ประการ คือ ผลผลิต (Output)ผลลัพธ์ (Outcome) และผลกระทบ (Impact) โดยให้พิจารณาว่าเมื่อปฏิรูปแล้ว ผลทั้ง 3 ประการนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง โดยไม่เน้น Input ซึ่งเป็นสิ่งที่บอกไม่ได้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ส่วนการส่งเสริมให้สถานศึกษาเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็เช่นกัน ในอดีตโรงเรียนไม่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มศักยภาพ อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แต่ปัจจุบันใช้งบประมาณน้อยลง โดยให้ครูและผู้บริหารเป็นผู้ตัดสินใจเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเอง เพื่อให้เด็กและครูได้รับประโยชน์สูงสุดตามความเหมาะสม
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวด้วยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการอาหารกลางวันที่โรงเรียนอนุบาลกันทรารมย์ในครั้งนี้และหลายครั้งที่ผ่านมา ต้องการมาให้กำลังใจไม่ได้มาจับผิด และพบว่าโรงเรียนส่วนใหญ่จัดอาหารกลางวันให้เด็กได้ดี มีปลาเน่าเพียงไม่กี่ตัวที่ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งก็ได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว ทั้งนี้ โรงเรียนจำนวนมากรู้จักโปรแกรม Thai School Lunch แต่ก็มีโรงเรียนหลายแห่งที่ยังไม่เข้าใจโปรแกรมทั้งหมด ในส่วนนี้สามารถนำมาปรับได้เพราะเป็นโปรแกรมที่ดีที่ส่งเสริมให้งบประมาณด้านอาหารกลางวันไปถึงตัวเด็กอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนด้วย เช่น การปลูกผักในโรงเรียนหรือชุมชน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ฝากความคิดถึงและความห่วงใยเรื่องอาหารกลางวันของเด็ก ๆ ทุกคน โดยต้องการให้เด็กสุขภาพดี ได้รับประทานอาหารดี และขอให้ตั้งใจเรียน
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนกันทรลักษ์วิทยา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้กล่าวให้กำลังใจข้าราชการ ครู เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกคน ซึ่งจากที่ได้มาตรวจเยี่ยมในวันนี้พบว่าหลายอย่างพัฒนาดีขึ้นมาก ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ตลอดจนขอขอบคุณแทนประชาชนชาวศรีสะเกษทุกคนด้วย
ทั้งนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้เน้นย้ำถึงการปฏิบัติตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษาว่า “เราต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้เราเป็นอย่างไร ปัจจุบันเป็นอย่างไร และสิ่งที่ดำเนินการอยู่นั้นส่งผลถึงเด็กและครูอย่างเป็นรูปธรรมด้านใดบ้าง” ก่อนที่จะเดินเยี่ยมชมผลงานของโรงเรียนต่าง ๆ ที่นำมาจัดแสดงในวันนี้
จากนั้น รมว.ศึกษาธิการ เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ติดตามความคืบหน้าการซ่อมแซมบ้านพักครู และการสร้างแฟลตเพื่อใช้เป็นบ้านพักครูทั้งในส่วนของครูประถมศึกษาและครูมัธยมศึกษา จาก 2 โรงเรียนในพื้นที่ดังกล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เมื่อปี พ.ศ.2555 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงจัดตั้งกองทุนพระราชทานขึ้น เริ่มประเดิมเงินทุนครั้งแรกจำนวนกว่า 100 ล้านบาท โดยสิ่งแรกที่ทรงรับสั่งคือ ให้ไปดูแลความเป็นอยู่ของครู โดยเฉพาะครูที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการก็ได้พยายามดำเนินการมาตลอดด้วยการซ่อมแซมบ้านพักครูทั่วประเทศ
ขณะที่นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้มาสำรวจสภาพพื้นที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยาล่วงหน้าแล้ว พบว่าเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างอันตราย มีบ้านพักครูเพียง 1 หลัง มีครูอาศัยอยู่รวมกัน 7 คน และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่เหมาะสม ดังนั้น สพฐ.จึงต้องมีการดูแลความเป็นอยู่ของครูให้เหมาะสม มีความปลอดภัย ขณะนี้มีการเสนอแผนสร้างแฟลตเพื่อใช้เป็นบ้านพักครูโดยให้อยู่รวมกันทั้งครูระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ซึ่งจะขอเป็นกรณีพิเศษจากเงินเหลือจ่ายงบประมาณ พ.ศ. 2561 ของ สพฐ. โดยจะสร้างแฟลตจำนวน 2 หลัง หลังละ 3.9 ล้านบาท ส่วนบ้านพักหลังเดิมจะดำเนินการซ่อมแซมเพื่อใช้เป็นบ้านพักสำรองสำหรับนักศึกษาฝึกงานในอนาคต ซึ่งสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที
จากข้อมูลการนำเสนอ VTR การจัดการศึกษาในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ และอำนาจเจริญ (เจริญราชธานีศรีโสธร) มีหน่วยงานด้านการศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 14 เขต ดูแลสถานศึกษาจำนวน 2,716 แห่ง มีนักเรียนจำนวน 495,270 คน และครู 28,450 คน โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการที่สำคัญ ดังนี้
-
STEM Education โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชเป็นศูนย์สะเต็มศึกษาเพื่อพัฒนาครูและนักเรียน ด้วยการฝึกทักษะ STEM ผ่านโครงงานและกิจกรรมต่าง ๆ และนำผลการเรียนรู้มาออกแบบชิ้นงานที่นำมาใช้ในชีวิตจริงได้
-
Boot Camp มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เข้าร่วมโครงการและเป็นศูนย์ฝึกอบรม Boot Camp ให้กับครูภาษาอังกฤษในพื้นที่รับผิดชอบมาตั้งแต่ปี 2558 มุ่งเน้นให้ครูได้ฝึกฝนวิธีการสอนภาษาอังกฤษรูปแบบใหม่และผู้เรียนได้พัฒนาทักษะการสื่อสารและการคิด ซึ่งศูนย์ Boot Camp มรภ.อุบลราชธานีได้ผลิต Master Trainer จำนวน 11คน ที่ทำหน้าที่เป็นวิทยากรอบรม Boot Camp ในรุ่นต่อไป
-
การอ่านออกเขียนได้ ซึ่งสถานศึกษาทุกแห่งได้พัฒนาผู้เรียนโดยใช้รูปแบบ PLC มุ่งเน้นให้เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาอ่านออกเขียนได้ เขียนหนังสือคล่อง และสามารถบูรณาการการอ่านออกเขียนได้กับทุกกลุ่มสาระวิชา
-
การคัดลายมือสวย สถานศึกษาได้ฝึกฝนให้นักเรียนฝึกจับดินสอ และคัดลายมือตามอักษรตัวเหลี่ยม ซึ่งทำให้นักเรียนมีลายมือที่สวยงามและมีความเป็นอัตลักษณ์
-
การส่งเสริมให้สถานศึกษาเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการและจัดการเรียนการสอน ซึ่งขณะนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 มีสถานศึกษาในสังกัดที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงแล้ว จำนวน 2,692 แห่ง แต่ยังมีสถานศึกษาอีก 2 แห่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจึงไม่มีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบจะแก้ไขปัญหานี้ในแนวทางอื่นต่อไป
-
การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV)ในโรงเรียนขนาดเล็ก โดยได้นำ DLTV มาใช้ในสถานศึกษาแบบเต็มเวลาหรือบางวิชาตามบริบทของสถานศึกษาแต่ละแห่ง ถือเป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กในพื้นที่ห่างไกล พร้อมทั้งแก้ปัญหาครูสอนไม่ครบชั้น และจำนวนครูไม่พอด้วย
-
การเรียนรู้ทางไกลผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) เพื่อให้ครูและนักเรียนได้สืบค้นข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม
-
การประเมินและประกันคุณภาพ โดยเปิดโอกาสให้สถานศึกษามีส่วนร่วมในการออกแบบ วางระบบ และดำเนินงานได้ด้วยตนเอง สอดคล้องกับการประเมินแนวใหม่ที่เน้นการประเมินแบบองค์รวม
-
โครงการคูปองครู มีครูในพื้นที่จำนวนกว่า 8,000 คน เข้าร่วมอบรมตามนโยบายคูปองครูรุ่น 1-3 โดยครูที่เข้าอบรมได้รับความรู้ความเข้าใจตามสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่หลากหลาย
-
โครงการอาหารกลางวัน ซึ่งสถานศึกษาได้จัดหาอาหารกลางวันให้กับเด็กปฐมวัยกว่า 3 แสนคน อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เด็กได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพ และดำเนินการตามโปรแกรม Thai School Lunch