เสมา 1 “นฤมล” ลงพื้นที่พะเยา รับฟังปัญหาทุกองค์กร ศธ. พร้อมมอบนโยบาย ลดภาระครู ผลักดัน ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง เป็นวิชาสำคัญ

จังหวัดพะเยา – 18 สิงหาคม 2568 / ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วยนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวอนงค์นาถ จ่าแก้ว เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษา มอบนโยบาย พร้อมรับฟังปัญหาเสียงสะท้อนจากผู้บริหาร ครู และบุคลากร ในพื้นที่จังหวัดพะเยา จากทุกองค์กรในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ณ โรงเรียนพะเยาพิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา โดยมี นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา นำคณะต้อนรับ และกล่าวรายงานสภาพปัญหาในเบื้องต้น

ปลัด ศธ.ได้กล่าวชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุมตรวจเยี่ยมลงพื้นที่ก่อนรับฟังการรายงานปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดพะเยาว่า “วัตถุประสงค์สำคัญในการประชุมและลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมในครั้งนี้มีสองประการ คือ ประการแรก การตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกับผู้ได้รับผลกระทบจากพายุวิภาที่ผ่านมา ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วเมื่อวานนี้ และประการที่สอง คือ วันนี้เป็นกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา จึงขอนำเรียนที่ประชุมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อกำหนดนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยสืบเนื่องจากการยกระดับคุณภาพการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ นั่นหมายความว่า เป็นการสะท้อนข้อมูลในพื้นที่ไปยังส่วนกลางเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับทุกคน

ซึ่งวันนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมรวมทั้งหมด 500 คน โดยมีผู้บริหารจากส่วนกลางประมาณ 50 คน ผู้บริหารในพื้นที่ภาคเหนือ ได้แก่ ศึกษาธิการภาค 8 คน ศึกษาธิการจังหวัด 35 คน และผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและผู้บริหารสถานศึกษา รวม 207 คน ผู้บริหารสถานศึกษาพิเศษ 5 คน ผู้บริหารในสังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้ 63 คน ผู้บริหารในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา 15 คน ผู้บริหารในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน 38 คน บุคลากรของ ศธจ.พะเยา 30 คน และบุคลากรโรงเรียนพะเยาพิทยาคม 29 คน รวมถึงบุคลากรจากส่วนกลาง

นอกจากการรับฟังปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะแล้ว ยังเป็นการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาที่ส่วนกลางได้มอบหมายให้หน่วยงานในพื้นที่ดำเนินการ โดยจำแนกเป็นส่วนต่าง ๆ ทั้งหมด 4 ส่วน จาก 4 องค์กรหลักด้วยกัน ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ความเห็นว่า ในเรื่องของผลงานต่าง ๆ ตามที่เคยได้รายงานผู้บังคับบัญชาระดับสูงไปแล้ว จึงขอรับทราบข้อขัดข้อง ปัญหาอุปสรรค ความท้าทาย การทำงานในการแก้ปัญหา ตลอดจนข้อเสนอแนะที่ต้องการให้ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการได้ดูแลแก้ไขในทุกภาคส่วน ซึ่งกระบวนการในการรวบรวมปัญหาในครั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ดำเนินการสำรวจ รวบรวมข้อมูล และนำเสนอต่อผู้บริหาร โดยสรุปประเด็นของทั้ง 4 หน่วยงาน และนำเสนอ หากในส่วนอื่น ๆ ที่เห็นว่ามีอะไรที่แตกต่างนอกเหนือจากประเด็นที่สรุปมานี้ จึงขอให้ที่ประชุมสามารถนำเสนอเพิ่มเติมได้”

จากการรับฟังปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ มีข้อสรุปประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข คือ 1) การปรับโครงสร้างพื้นฐาน โดยขอให้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนอุปกรณ์การเรียน ระบบไฟฟ้า ระบบอินเทอร์เน็ต ให้เพียงพอกับความต้องการ 2) ปัญหาภาระครูที่มากเกินไป อาทิ ครูสอนไม่ครบชั้นและไม่ตรงวิชา รวมถึงขาดบุคลากรสายสนับสนุนที่จะช่วยดูแลส่วนงานอื่น ๆ อาทิ งานเอกสาร วัสดุครุภัณฑ์ รวมถึงการประเมินวิทยฐานะครู โดยเสนอให้ประเมินผลงานเชิงประจักษ์ ประกอบการพิจารณานอกเหนือจากผลงานวิจัย และ 3) ปัญหาหนี้สินครู

ภายหลังจากการรับฟังปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มอบนโยบายและให้แนวทางกับผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการว่า “ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมให้ข้อมูลและแสดงข้อคิดเห็น จึงขอให้กำลังใจ อยากรับฟังแต่ละองค์กร เพื่อจะร่วมกันขับเคลื่อนไปด้วยกัน โดยหวังว่าจะให้การศึกษาไทยเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น และสิ่งที่อยากทำให้เกิดขึ้นได้มีสามประการ คือ ประการแรก การนำวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง เข้ามาเป็นวิชาสำคัญ หรือวิชาเอก มาใช้ในการสอบเข้าระดับ ม.1 และ ม.4 เพราะระบอบการปกครองของไทยไม่เหมือนชาติอื่นในโลก ซึ่งเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงฝากให้หลักสูตรนี้ชัดเจน มีความสำคัญเท่าเทียมกับวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์

ประการที่สอง การลดภาระครู แล้วเน้นที่ตัวเด็ก พัฒนาเด็ก นอกจากเรียนดี มีความสุขแล้ว ก็อยากให้ครู สอนดี ชีวิตมีความสุขด้วย รวมถึงการปรับอัตราครูเกินเกณฑ์มาเป็นสายสนับสนุน และประการสุดท้าย ปัญหาหนี้สินครู ซึ่งนับเป็นหนี้ก้อนใหญ่ของครัวเรือนทั่วประเทศไทย จึงขอให้ร่วมดำเนินการแก้ไขแบบบูรณาการร่วมกัน”

รมว.ศธ.กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรื่องที่จะดำเนินการสำเร็จให้ได้เป็นอย่างแรก คือ การลดภาระครู เพราะครูไม่ได้มีหน้าที่แค่สอน ดูแลเด็กเพียงเท่านั้น พอเจอสถานการณ์ภัยพิบัติก็ต้องเจอภาระอีกเยอะ อาทิ เป็นช่างทาสีบ้าง ซ่อมแซมโรงเรียนบ้าง จึงขอให้ส่วนกลางมาร่วมลงพื้นที่ด้วยจะได้เข้าใจปัญหาการทำงานในพื้นที่ ไม่ตัดงบประมาณ และอีกเรื่องที่สำคัญคือ ปัญหาหนี้สินครู ซึ่งได้มอบ สกสค.รับดำเนินไว้แล้วโดยให้แนวทางแก้ไข ด้วยการจัดตั้งสหกรณ์ สกสค. เพื่อให้กู้และไม่ก่อหนี้เพิ่ม แต่วิธีดังกล่าวก็อาจไม่ยั่งยืน สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือ ต้องเพิ่มรายได้ ให้ครูได้รับรายได้ที่เพียงพอ และไม่อยากให้ครูไปหาอาชีพเสริมอย่างอื่น จึงหารือกับผู้บริหารว่าที่ทำได้คือ วิทยฐานะ ที่สามารถแยกสาขาได้ ไม่ว่าจะเป็น สพฐ. สกร. สอศ. หรือการสนับสนุนครูเอกชน เพราะทุกคนก็อยากก้าวหน้าในอาชีพ ต้องการรายได้ที่สูงขึ้น เลี้ยงชีพดูแลครอบครัวได้”

นอกจากนี้ รมว.ศธ. ได้กล่าวฝากไว้ก่อนปิดประชุมว่า “ที่มาในวันนี้ ตั้งใจมาดูแลกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งใจตั้งแต่วันแรกว่า จะทำอย่างไรให้ชีวิตความเป็นอยู่ของครูและบุคลากรดีขึ้น ทำอย่างไรให้การศึกษาดีขึ้น ซึ่งถือว่าตอนนี้เราทุกคนเป็นพี่น้องและเป็นครอบครัวเดียวกัน”

ทั้งนี้ รมว.ศธ.ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า “จากการรับฟังข้อสรุปทั้ง 4 หน่วยงานในวันนี้ ตรงกับที่เราได้คุยกันไว้ที่งานบริหารส่วนกลาง ซึ่งได้รับข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นรายละเอียดมากขึ้น ในเรื่องการทำวิทยฐานะ ที่จะนำผลงานเชิงประจักษ์มาใช้ในการพิจารณา และมอบหมายให้ เลขา กคศ. รับเรื่องดำเนินการไว้แล้ว โดยจะนำไปปรับปรุงให้ถูกต้องอย่างครอบคลุมให้เร็วที่สุด และเรื่องการเพิ่มเติมเนื้อหาปรับปรุงหลักสูตร นำวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองมาเป็นวิชาสำคัญเพิ่มในสัดส่วนการสอบเข้าเรียนในระดับ ม.1 และ ม.4 เพื่อให้เด็กได้มีความเข้าใจในประวัติศาสตร์และระบอบการปกครองของไทยให้มากขึ้นด้วย

ภายหลังการประชุมดังกล่าว รมว.ศธ ได้นำคณะผู้บริหารเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการ ผลงาน Best Practice ของนักเรียนจาก 18 โรงเรียน ซึ่งอยู่ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพะเยา จำนวน 17 โรงเรียน และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 24 จังหวัดพะเยา โดยมีบูธที่นำมาจัดแสดงนิทรรศการ คือ หลักสูตรการจัดการเรียนรู้เพื่ออาชีพและการมีงานทำในศตวรรษที่ 21″หลักสูตรเฮือนแก้ว” / นวัตกรรมเสริมสร้างศักยภาพด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ “PPK Studio” 2 /ผลงาน Best Practice กลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ณ ห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติ /PPK Art Gallery ผลงานทัศนศิลป์ระดับชาติ และโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับชาติ

การประชุมรับมอบนโยบายในครั้งนี้ มีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการร่วมรับฟังปัญหา เสียงสะท้อน และข้อเสนอแนะ พร้อมตอบข้อสงสัย อาทิ นายบุญสิงห์ วรินรักษ์ ที่ปรึกษา รมว.ศธ., พร้อมด้วยนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ., ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ, นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการ กอศ., นายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ สกศ., นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดี สกร., นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัด ศธ., นายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ รองเลขาธิการ กอศ.,นายนิติ นาชิต รองเลขาธิการ สกศ.,นายธนู ขวัญเดช เลขาธิการ ก.ค.ศ., นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการ กช.,นายสุรศักดิ์ อินศรีไกร นายชาตรี ม่วงสว่าง ผตร.ศธ. และนายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. โดยมีคณะผู้บริหารสังกัดกระทรวงศึกษาธิการในพื้นที่จังหวัดพะเยา ได้แก่ ศธจ.พะเยา ผอ.สพม.พะเยา ผอ.สอศ.พะเยา และ ผอ.สกร.พะเยา ตลอดจน ข้าราชการ และบุคลากร เข้าร่วมรายงานสภาพปัญหา อุปสรรคการดำเนินงาน ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย รวมถึงข้อมูลการได้รับผลกระทบจากพายุวิภาที่ผ่านมา

สุกัญญา จันทรสมโภชน์ / สรุป-กราฟิก

พีรณัฐ ยุชยะทัต / ภาพ

ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า / วีดีโอ