เด็กไทยเจ๋งผลิตบรรจุภัณฑ์ ฝังเมล็ดทิ้งได้กลายเป็นต้นไม้


          ชวนดูแนวคิดนอกกรอบนักเรียนกลุ่มฮัก โรงเรียนวังจันทร์วิทยา ระยอง ผสมผสานระหว่างการแก้ปัญหาการใช้ถุงพลาสติก และผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ กลายเป็นผลไม้แปรรูปบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรฝังเมล็ด ทิ้งได้กลายเป็นปุ๋ยและต้นไม้


          สัปดาห์นี้ชวนดูนักเรียนใน รร.ระยอง ที่ได้ผลิตผลไม้แปรรูปบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรฝังเมล็ด ทิ้งได้กลายเป็นปุ๋ยและต้นไม้ อันเป็นการช่วยโลก 3 เด้ง 1. ลดพลาสติก 2. เพิ่มสีเขียว 3. ช่วยเกษตรกรไทย และได้รับรางวัลชนะเลิศระดับชาติปี 2561



          นี่เป็นผลงานโครงงานอาชีพของนักเรียนกลุ่มฮัก โรงเรียนวังจันทร์วิทยา จ.ระยอง ที่ได้คิดนอกกรอบด้วยแนวคิดผสมผสานระหว่างการแก้ปัญหาการใช้ถุงพลาสติก และผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ เรียกว่า Food for the Future


          ซึ่งได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม บวกกับการกระตุ้น และเพิ่มมูลค่าของผลผลิตทางการเกษตรช่วยเกษตรกรไทย


          นักเรียนได้สร้างผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปเป็นผลไม้กวน โดยที่ได้รับรางวัลคือภาชนะของเขานี่เอง ที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติเพื่อนำมาขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์ ทำมาจากใบตองแห้งเอาแต่กากมาอัดกับแป้งเปียกไม่ใช้กาว



          โดยในขั้นตอนนั้นเริ่มจากที่เด็กๆช่วยกันหาวัตถุดิบ คือ ใบตองแห้งมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หลังจากนั้นนำไปปั่นจนกลายเป็นกาก แล้วอัดกับแป้งเปียกเพื่อขึ้นรูป (ไม่ใช้กาว) และมีการบรรจุเมล็ดพันธ์ไว้ในตัวบรรจุภัณฑ์


          ตัวบรรจุภัณฑ์ของนักเรียนสามารถเกิดเป็นพืชได้! โดยเมื่อโดนความชื้นหรือฝน ตัวบรรจุภัณฑ์จะละลายเป็นปุ๋ย และอีกส่วนคือบรรจุเมล็ดพันธุ์พืชไว้ในตัวบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้สามารถกลับกลายเป็นต้นไม้สร้างโลกสีเขียวจากการบริโภค 



          ซึ่งสามารถช่วยโลก 3 เด้ง ลดขยะพลาสติก เพิ่มโลกสีเขียว ช่วยเกษตรกรไทย เข้าใกล้คำว่า Zero Waste มากที่สุด 


          ผลิตภัณฑ์ของนักเรียนเป็นที่ชื่นชม มีคนมาดูงานที่โรงเรียน และได้นำไปแสดงผลงาน และได้รับรางวัลชนะเลิศกิจกรรมการประกวดการงานอาชีพ งานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรมวิชาการ และเทคโนโลยีระดับชาติปี 2561   


          ผลงานแบบนี้ควรได้รับการเผยแพร่และได้รับความสนับสนุน เพราะถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากนักเรียนที่ได้สะท้อนกระบวนการการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ สร้างนวัตรกรรมใหม่ที่ใส่ใจโลกสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชนอีกด้วย




ที่มา : เดลินิวส์