ศึกษาธิการ – พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ และดร.สุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้การต้อนรับและหารือความร่วมมือด้านการศึกษากับนางฉั่ว ซิ่ว ซาน (H.E. Mrs. Chua Siew San) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2557 ที่ห้องรับรองจันทรเกษม
รมว.ศธ. กล่าวว่า ไทยและสิงคโปร์มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมาเป็นเวลานาน และในปี 2558 จะครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต ที่ผ่านมาทั้งสองประเทศมีความเกื้อกูลกันในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการศึกษา ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีการดำเนินโครงการโรงเรียนคู่พัฒนา (Partner School Project) ซึ่งเป็นโครงการที่มีประโยชน์มาก ปัจจุบันมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการฝ่ายละ 10 แห่ง จึงได้เสนอให้เพิ่มจำนวนโรงเรียนอีกฝ่ายละ 5 แห่ง เพื่อช่วยพัฒนาการศึกษาไทย สำหรับการแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษาเพื่อศึกษาเรียนรู้ และทำความรู้จักกัน นับว่าเป็นโครงการที่ดี จึงขอบคุณรัฐบาลสิงคโปร์ที่มอบทุนการศึกษาทั้งในระดับมัธยมศึกษาและปริญญาตรีเพื่อให้นักเรียนนักศึกษาไทยไปศึกษาต่อที่สิงคโปร์ด้วย
ในส่วนของการพัฒนาการอาชีวศึกษาไทย มีความเห็นว่าการอาชีวศึกษามีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ ศธ. จึงพยายามกระตุ้นให้นักเรียนเข้าศึกษาต่ออาชีวศึกษาให้มากขึ้น และมีการร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมในลักษณะของทวิภาคี ทั้งนี้ ต้องการการสนับสนุนจากสิงคโปร์ในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์มีความก้าวหน้ามาก นอกจากนี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2558 คาดว่าจะได้พบกับ รมว.ศธ.สิงคโปร์ และจะได้มีการหารือความร่วมมือระหว่างกันในช่วงเวลาดังกล่าว
ในนามของ ศธ.ขอขอบคุณเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ฯ และรัฐบาลสิงคโปร์ หากมีเรื่องใดที่ ศธ.ไทยจะให้การสนับสนุนหรืออำนวยความสะดวกได้ ก็ขอให้แจ้งมาที่ ศธ. หวังว่าจะมีการขยายความร่วมมือในทุกระดับที่มีต่อกันให้มากขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไทยและสิงคโปร์จะมีความร่วมมือกันในทุกด้านอย่างต่อเนื่องต่อไป
เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ฯ กล่าวถึงข้อเสนอของ รมว.ศธ.เรื่องการเพิ่มจำนวนโรงเรียนคู่พัฒนาว่า จะนำไปหารือกับ รมว.ศธ.สิงคโปร์ต่อไป ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยว่าโครงการดังกล่าวมีความสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาและทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน
สำหรับการพัฒนาการอาชีวศึกษาของสิงคโปร์ก็ประสบปัญหาเดียวกันกับไทย แต่จากความพยายามของรัฐบาลสิงคโปร์กว่าสิบปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถส่งเสริม แก้ไขปัญหา และพัฒนาสถาบัน ITE จนกลายเป็นสถาบันที่มีสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับ โดยสถาบัน ITE ได้ร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ เมื่อนักศึกษาจบการศึกษาก็เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน
ในการนี้ เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ฯ ได้กล่าวเชิญ รมว.ศธ.และผู้บริหาร ศธ.เดินทางไปสิงคโปร์ เพื่อเยี่ยมชมและศึกษาดูงานที่สถาบัน ITE รวมถึงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันด้วย
กุณฑิกา พัชรชานนท์
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
14/11/2557