หลักสูตรการอบรมครู รูปแบบ PLC

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เป็นประธานเปิดการประชุม และแถลงข่าว

การเสนอโครงการหรือหลักสูตรการอบรมเพื่อพัฒนาครูประจำการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เมื่อวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม 2560 ณ โรงแรมบางกอกพาเลส โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการจำนวนมากเข้าร่วมประชุมและแถลงข่าวครั้งนี้
อาทิ ม.ล.ปริยดา ดิศกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
, นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นายบุญรักษ์
ยอดเพชร และนางสุจิตรา พัฒนะภูมิ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
,
นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
(กคศ.)
, นายอำนาจ วิชยานุวัติ และนายณรงค์ แผ้วพลสง
ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
, นางเกศทิพย์
ศุภวานิช ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาครูและบุคลากรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตลอดจนศึกษานิเทศก์
ผู้บริหาร และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
กว่า
400 คน

นพ.ธีระเกียรติ
เจริญเศรษฐศิลป์
กล่าวว่า การที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.) ได้จัดทำโครงการดังกล่าว ถือเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของการพัฒนาครูในประเทศไทย
เพราะมุ่งหวังให้ครูสามารถพัฒนาตนเองได้ตรงตามศักยภาพ สามารถนำความรู้จากการอบรมไปใช้ประโยชน์ได้จริงในการประกอบอาชีพครู
อีกทั้งเป็นการพัฒนาครูเพื่อเชื่อมโยงกับวิทยฐานะ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้
ครูทุกคนจะมี
Logbook และมี e-Portfolio ในการสะสมชั่วโมง
ว่าไปเข้ารับการอบรมหลักสูตรใดไปแล้วบ้าง และใช้เงินคูปองการอบรมที่จะได้รับคนละ

10,000 บาทต่อปีไปแล้วเท่าไร
เงินดังกล่าวไม่สามารถโอนไปเป็นเงินค่าใช้จ่ายอื่นได้ และกระทรวงศึกษาธิการจะมีการประเมินผลหลักสูตรต่าง
ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของครูรายอื่น ๆ ในการเลือกเข้ารับการอบรมต่อไปในอนาคตด้วย

โดยสรุป
การประเมินวิทยฐานะข้าราชการครู จะเน้นไปที่
2 ส่วน คือ

  • ด้านปริมาณ โดยมุ่งหวังให้ครูสะสมชั่วโมงการสอน เพราะครูยิ่งสอนมาก ยิ่งเก่ง เหมือนนักบินที่มีการสะสมชั่วโมงบิน

  • ด้านคุณภาพ ที่จะให้ครูได้พัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ
    และสามารถนำไปใช้ในการเลื่อนวิทยฐานะได้ในทุกระดับ ตั้งแต่ครูชำนาญการ
    ชำนาญการพิเศษ เชี่ยวชาญ จนถึงเชี่ยวชาญพิเศษ โดยจะให้ครูไปเข้ารับการอบรมในหลักสูตรที่ได้รับรองมาตรฐานตามวิทยฐานะจาก
    สถาบันคุรุพัฒนา สังกัดสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ที่กำลังจะจัดตั้งขึ้นในเร็ว
    ๆ นี้ โดยสถาบันคุรุพัฒนาจะทำหน้าที่เสมือนฝ่ายวิชาการในการพัฒนาหลักสูตรการอบรมให้กับข้าราชการครู
    ซึ่งจะมีหน่วยงานจากทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอหลักสูตรการอบรมให้สถาบันคุรุพัฒนาพิจารณา
    อีกทั้งครูสามารถเลือกหลักสูตรที่จะเข้าอบรมได้เองด้วย ถือเป็นการยกเลิกระบบการสั่งการจากส่วนกลาง
    พร้อมทั้งทำลายระบบคอร์รัปชันของการจัดฝึกอบรม และตัดวงจรในการดึงครูออกจากห้องเรียนเพื่อไปเข้าอบรมหลักสูตรต่าง
    ๆ และการเข้ารับการอบรมจะนำไปรวมกับชั่วโมงการสอนของครูด้วย แต่หากครูคนใดแจ้งจำนวนชั่วโมงการเข้าอบรมเป็นเท็จก็จะมีความผิดทางกฎหมาย
    พร้อมทั้งถูกเรียกคืนวิทยฐานะ และจะไปเริ่มต้นการขอวิทยฐานะใหม่ตั้งแต่แรก ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
    (ก.ค.ศ.) กำลังพิจารณากำหนดวิธีการนับชั่วโมงการอบรมพัฒนาว่าต้องอบรมหลักสูตรอะไรบ้าง
    และแต่ละหลักสูตรคิดเป็นจำนวนชั่วโมงเท่าใด จึงจะขอมีและเลื่อนวิทยฐานะได้

สำหรับหลักสูตรการพัฒนาครูประจำการ
จะทำในรูปแบบ
PLC (Professional
Learning Community) หรือชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ
ด้วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน
เช่น การเอาปัญหาของนักเรียนมาหารือหรือหาวิธีแก้ปัญหาร่วมกัน โดยไม่ใช่การ
Lecture
หรือการนำผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ มาบรรยาย โดยมีขั้นตอนกระบวนการพิจารณาหลักสูตรเพื่อพัฒนาครู ดังนี้

การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเลื่อนวิทยฐานะของครูแบบใหม่
จะสอดคล้องกับรายละเอียดในพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
รัชกาลที่
9 เมื่อวันที่
5 กรกฎาคม 2555
ความว่า ปัญหาปัจจุบันคือ ครูมุ่งเขียนงานวิทยานิพนธ์
เขียนตำราส่งผู้บริหารเพื่อให้ได้ตำแหน่งและเงินเดือนสูงขึ้น แล้วบางทีก็ย้ายไปที่ใหม่
ส่วนครูที่มุ่งการสอนหนังสือกลับไม่ได้อะไรตอบแทน ระบบไม่ยุติธรรม
เราต้องเปลี่ยนระเบียบตรงจุดนี้ การสอนหนังสือต้องถือว่าเป็นความดีความชอบ
หากคนใดสอนดี ซึ่งส่วนมากคือมีคุณภาพและปริมาณ ต้องมี
reward”

ดังนั้น
กระทรวงศึกษาธิการจะยกเลิกการเลื่อนวิทยฐานะแบบอิงผลงานวิชาการหรือการประเมินจากกระดาษ
โดยจะเปิดให้มีการขอวิทยฐานะแบบใหม่อย่างเป็นทางการในวันที่
5 กรกฎาคม 2560 เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระราชดำรัสข้างต้นของในหลวงรัชกาลที่ 9

นพ.ธีระเกียรติ
กล่าวด้วยว่า ภายหลังการประชุมครั้งนี้จะนำเรื่องการจัดตั้งสถาบันคุรุพัฒนาเข้าประชุมในบอร์ดบริหารของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา
เพื่อทำการจัดตั้งสถาบันคุรุพัฒนาต่อไป ส่วนหน่วยงานหรือผู้ที่สนใจเสนอหลักสูตรอบรมดังกล่าวข้างต้น
สามารถศึกษารายละเอียดได้จากเว็บไซต์

สำนักพัฒนาครูและบุคลากรการศึกษาขั้นพื้นฐานhrd.obec.go.th โทร 02 288
5635 หรือ e-mail: spkobec@gmail.com


อรพรรณ ฤทธิ์มั่น, บัลลังก์ โรหิตเสถียร: สรุป/รายงาน
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี: ถ่ายภาพ
13/3/2560