ศ.ดร.ปิยะรัตน์ โกวิทตรพงศ์ เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ประจำปี 2552
ภาพประกอบข่าว
อาจารย์คณะวิทย์ ม.มหิดล ไขความลับฮอร์โมนเมลาโทนินจากสมอง พบความหวังรักษาโรคความจำเสื่อม หลังพิสูจน์ผลในสัตว์ทดลอง กว่า 12 ปีที่ศึกษาวิจัยด้านเมลาโทนิน ศ.ดร.ปิยะรัตน์ โกวิทตรพงศ์ หัวหน้าหน่วยวิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ประจำปี 2552 พบประโยชน์ของเมลาโทนิน ช่วยเพิ่มสเต็มเซลล์ระบบประสาทในสมอง ศึกษาต่อยอดในสเต็มเซลล์หนูได้ผลน่าพอใจ ปูแนวทางรักษาโรคอัลไซเมอร์และระบบประสาท
เมลาโทนิน เป็นฮอร์โมนที่พบในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ตั้งแต่สาหร่ายจนถึงมนุษย์ ถูกสร้างเฉพาะตอนกลางคืน (เมื่อไม่มีแสงกระทบดวงตา) โดยกลุ่มเซลล์ในต่อมไพเนียล ซึ่งอยู่บริเวณกลางสมองมีขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ทั้งยังถูกสร้างที่เรตินาและอวัยวะทางเดินอาหาร
“เรารู้จักต่อมใต้สมอง แต่ไม่รู้จักต่อมเหนือสมองหรือต่อมไพเนียลที่สร้างสารเมลาโทนิน จึงสนใจและศึกษาจนพบว่า เมลาโทนินมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถศึกษาต่อยอดเพื่อหาทางรักษาโรคที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ”
เมธีวิจัยอาวุโส สกว. จากมหาวิทยาลัยมหิดลเผยว่า ล่าสุดวิจัยพบว่า เมลาโทนินสามารถกระตุ้นการเพิ่มจำนวนและการเจริญเติบโตของสเต็มเซลล์ระบบประสาท (neural stem cell) ได้ ซึ่งจะเป็นแนวทางใหม่สำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับความจำสมองเสื่อม เช่น โรคอัลไซเมอร์
ศ.ดร.ปิยะรัตน์ นำความรู้สู่การทดลองในหนูเมื่อปี 2551 โดยนำสเต็มเซลล์จากสมองหนูมาเลี้ยงในน้ำเพาะเชื้อ แล้วใส่สารเมลาโทนินลงไป ซึ่งผลในเบื้องต้นพบว่า เมลาโทนินสามารถเพิ่มจำนวนสเต็มเซลล์ระบบประสาทได้อย่างเห็นได้ชัด
“ในปีนี้ เราจะทดสอบในตัวหนูและคาดว่า ภายในปี 2553 จะวิจัยในหนูให้เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งต้องได้ผลว่า ต้องใส่เมลาโทนินที่สมองส่วนใด และปริมาณเท่าไหร่” เมธีวิจัยอาวุโส สกว. จากมหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวก่อนชี้ว่า การทดสอบทางคลินิกนั้น อาจจะต้องใช้เวลาเตรียมการเพื่อเลี่ยงประเด็นด้านจริยธรรม ทั้งยังต้องทำงานร่วมกับแพทย์ระบบประสาทอีกด้วย
งานวิจัยนี้ จะเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการพัฒนายา พัฒนาการรักษาโรคทางสมองได้ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งสำคัญของการวิจัยและด้านการแพทย์ในการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดระบบประสาทในการรักษาโรคทางสมองต่อไป
ศ.ดร.ปิยะรัตน์เป็น 1 ใน 25 เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ประจำปี 2551-2552 ที่เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และรับพระราชทานโล่เกียรติยศ ในวันที่ 29 กันยายน 2552 ณ ศาสลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา
25 เมธีวิจัยอาวุโส สกว. แบ่งออกเป็นเมธีวิจัยอาวุโส สกว. ประจำปี 2551 จำนวน 13 ท่าน ได้แก่ ศ.ดร.นพ.อภิวัฒน์ มุทิรางกูร (สาขาอณูพันธุศาสตร์มนุษย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา (สาขาอายุรศาสตร์ (โรคหัวใจหลอดเลือด) มหาวิทยาลัยมหิดล) ศ.นพ.อนันต์ ศรีเกียรติขจร (ประสาทวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
ศ.ดร.สุทธวัฒน์ เบญจกุล (สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) ศ.ดร.ประมวล ตั้งบริบูรณ์รัตน์ (สาขาเคมีพอลิเมอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) ศ.ดร.วัชรินทร์ รุกขไชยศิริกุล (สาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) ศ.ดร.วิเชียร เลาหโกศล (สาขาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)
ศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ (สาขาวิศวกรรมโทรคมนาคม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง) ศ.ดร.สุทธิชัย อัสสะบำรุงรัตน์ (สาขาวิศวกรรมเคมี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด (สาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
รศ.ดร.มารค ตามไท (สาขาปรัชญา มหาวิทยาลัยพายัพ) ศ.ดร.จตุรนต์ ถิระวัฒน์ (สาขานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) และ ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ (สาขาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์)
ด้านเมธีวิจัยอาวุโส สกว. ประจำปี พ.ศ. 2552 จำนวน 12 ท่าน ได้แก่ ศ.ดร.ปิยะรัตน์ โกวิทตรพงศ์ (สาขาประสาทวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) ศ.ดร.โกวิท พัฒนาปัญญาสัตย์ (สาขาวิทยาภูมิคุ้มกัน มหาวิทยาลัยมหิดล) ศ.นพ.บุญส่ง องค์พิพัฒนกุล (สาขาอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) ศ.ดร.นพ.นิพนธ์ ฉัตรทิพากร (สาขาพยาธิสรีรวิทยาทางไฟฟ้าของหัวใจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
ศ.ดร.ธีรภาพ เจริญวิริยะภาพ (สาขากีฏวิทยาทางการแพทย์และสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) รศ.ดร.ธีรยุทธ วิไลวัลย์ (สาขาเคมีอินทรีย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ศ.ดร.ณรงค์ฤทธิ์ สมบัติสมภพ (สาขาเทคโนโลยีพอลิเมอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี) ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ (สาขาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี)
รศ.ดร.กาญจนา แก้วเทพ (สาขานิเทศศาสตร์/การสื่อสาร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ (รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) ศ.ดร.ภัสสร ลิมานนท์ (สาขาประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) และ ศ.วิโชค มุกดามณี (สาขาจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร)