พัฒนาคนดีให้เป็นคนเก่งในสังคม เพื่อดูแลชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็งและยั่งยืน

พัฒนาคนดีให้เป็นคนเก่งในสังคม เพื่อดูแลชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็งและยั่งยืน



         พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542  มีจุดมุ่งหมายในการสร้างเด็กไทยให้เป็นคนเก่ง  คนดี  และมีความสุข  ซึ่งมุ่งเน้นพัฒนาทั้งด้านสติปัญญา (IQ)  ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ)  และด้านคุณธรรม จริยธรรม (MQ)  เพื่อให้เด็กไทยอยู่ร่วมกันในสังคมไทยและสังคมโลกได้อย่างมีคุณภาพและรู้ เท่าทันและเมื่อกล่าวถึงการพัฒนาคนให้เป็นคนเก่ง คนดี มีคุณธรรม ก็อดไม่ได้ที่จะขอหยิบยกพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิ พลอดุลยเดช ความว่า  “นอกจากการศึกษาจะสอนให้คนเก่งแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะอบรมให้ดีพร้อมกันไปด้วย  ประเทศไทยเราจึงจะได้คนที่มีคุณภาพ คือ ทั้งเก่ง ทั้งดี มาเป็นกำลังของบ้านเมือง ให้เป็นความเก่งเป็นปัจจัยและพลังสำหรับสร้างสรรค์  และให้ความดีเป็นปัจจัยเพื่อประคับประคองหนุนนำความเก่ง ให้เป็นไปในทางที่ถูกอำนวยผล  เป็นประโยชน์อันพึงประสงค์”



        โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทยอย่างเช่นปัจจุบันเราจะพัฒนาเด็กและเยาวชนคน รุ่นใหม่ให้เป็นคนเก่ง ฉลาด หรือก้าวทันเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนั้นยังไม่เพียงพอ  เพราะสิ่งที่สังคมต้องการมากที่สุดขณะนี้ คือ จะต้องสร้าง “คนดี”  มีคุณธรรมจริยธรรมควบคู่ไปด้วย  เพื่อช่วยกันเป็นแรงผลักดันขับเคลื่อนให้ประเทศชาติก้าวทันกระแสความเปลี่ยน แปลง  ซึ่งในสังคมไทยจะเห็นว่าเด็กส่วนหนึ่งมาจากครอบครัวที่มีต้นทุนชีวิตสูงและ สิ่งแวดล้อมที่อบอุ่น จนสามารถพัฒนาเพิ่มพูนเป็นทุนที่เข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ  ในขณะที่เด็กบางส่วนมาจากครอบครัวที่มีต้นทุนชีวิตต่ำและเติบโตมาท่ามกลาง ความยากจนขัดสน ด้อยโอกาส ในบริบทสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีก็จะยิ่งเป็นตัวฉุดต้นทุนชีวิตให้บั่นทอนลดลงไป เรื่อย ๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การขาดแบบอย่างที่ดี”   จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนไทยอย่างมาก  ส่งผลให้สังคมไทยคาดหวังให้เป็นหน้าที่ของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ช่วยกันขัดเกลา ปลูกฝัง พัฒนาและสรรค์สร้างเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติให้เป็นคนเก่ง คนดี และมีความสุข  เพราะหากสังคมไทยมีคนเก่งและเป็นคนดี  หรือมีความรู้ควบคู่คุณธรรมก็จะช่วยทำให้สังคมไทยน่าอยู่ยิ่งขึ้น


         ในระบบการศึกษาไทยนั้นได้นำแนวคิดมาจากประเทศต่าง ๆ  ซึ่งเป็นระบบการศึกษาที่มุ่งสร้างคนเก่งเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นการศึกษาที่ใช้สมองมากเกินไป เช่นที่ ดร.อาจอง  ชุมสาย ณ อยุธยา  ผู้อำนวยการโรงเรียนสัตยาไส เคยกล่าวไว้ว่า “การที่ประเทศไทยจัดระบบการศึกษาตามประเทศต่าง ๆ นั้น  แล้วคิดว่าการสร้างคนเก่งขึ้นมาเป็นเรื่องสำคัญ ขณะที่โรงเรียนก็สอนคนให้เก่งที่สุด เพื่อสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนมหาวิทยาลัยก็คัดเลือกเฉพาะคนเก่งที่สุดมีคะแนนสูงสุดเข้ามาในระบบ ซึ่งระบบการแข่งขันเอาชนะกัน สร้างคนเก่งขึ้นมา  กลับกลายสร้างปัญหาหลายอย่างตามมา ขณะที่ผู้บริหารสูงสุดในระบบการศึกษาก็เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาอยู่ได้ไม่นาน แต่ละคนมีนโยบายแตกต่างกัน จนสร้างความสับสนในระบบการศึกษา” ซึ่งเป็นหนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจและหยิบยกมาพิจารณาทบทวนเพื่อจัดการศึกษาให้ สอดคล้องเหมาะสมกับบริบทและความคาดหวังของสังคมในยุคปัจจุบัน  ดังนั้น คงจะถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนการจัดการศึกษาที่หันมาเน้น “ความดี” พัฒนาเด็กให้เป็นคนดี พร้อม ๆ ไปกับการพัฒนาให้เป็นคนเก่ง หรือการพัฒนาคนดีเพื่อให้เป็นคนเก่งในสังคม ซึ่งโครงการหนึ่งที่ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งและเป็นโครงการที่น่าสนใจควร ขยายผลให้กว้างขวางทั่วถึงและเพิ่มปริมาณให้มากยิ่งขึ้น  นั่นคือ “โครงการเด็กดีมีที่เรียน”  หรือโครงการส่งเสริมนักเรียนผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และบำเพ็ญประโยชน์เข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากับมหาวิทยาลัยใน พื้นที่ที่มีเจตนารมณ์เดียวกันในการส่งเสริมนักเรียนที่ทำความดี   มีคุณธรรมจริยธรรม และช่วยเหลือสังคมเป็นที่ประจักษ์ได้มีโอกาสเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ใกล้บ้าน เป็นระบบโควตาพิเศษโดยไม่ต้องมีการสอบแข่งขัน


         “โครงการเด็กดีมีที่เรียน” เริ่มต้นมาจาก “นครปฐมโมเดล” ที่มุ่งสร้างโอกาสให้เยาวชนได้กลับไปดูแลชุมชน และท้องถิ่นของตนเองได้อย่างเข้มแข็งยั่งยืน ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ดำเนินโครงการรับนิสิตโควตาพิเศษสำหรับผู้มีคุณธรรมและบริการสังคม หรือเด็กดีเรียนได้เข้ามหาวิทยาลัยไม่ต้องสอบ ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการเด็กดีมีที่เรียน รวม 11 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร  มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยบูรพา มหา วิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา และมหา วิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม


         นับได้ว่าเด็กที่เรียนเก่งเพียงอย่างเดียวคงจะไม่สามารถใช้ชีวิตยืนหยัด อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขที่นิรันดร์  แต่หากสามารถพัฒนาเด็กให้มีความรู้ ความสามารถ  มีคุณธรรม  จริยธรรม  นั่นย่อมส่งผลให้เขาสามารถมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข  เป็นคนดี เป็นที่ยอมรับของสังคม  และจะมีส่วนช่วยพัฒนาประเทศชาติให้ยั่งยืนสืบไป.


ฟาฏินา วงศ์เลขา


 


แหล่งที่มา :
http://www.dailynews.co.th/education/133827