ผลกระทบทางการเมือง

ภาพเพิ่มเติม https://www.moe.go.th/websm/2014/jan/020.html

ศึกษาธิการนายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ครั้งที่ 3/2557 โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด และ ดร.กิตติ ลิ่มสกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุม เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2557 ณ ห้องประชุมสำนักพัฒนาสมรรถนะและบุคลากรอาชีวศึกษา

รายงานสถานการณ์และผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง

1) ผลกระทบต่อการปิดล้อมโรงพิมพ์องค์การค้าของ สกสค.

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2557 กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองได้บุกรุกเข้ามาในพื้นที่โรงพิมพ์องค์การค้าของ สกสค. ซึ่งชนะการประมูลในการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้ง โดยได้ทำการตัดไฟฟ้า ทำลายเครื่องพิมพ์ อุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งบัตรเลือกตั้ง ทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก เช่น โต๊ะควบคุมการจ่ายหมึกพิมพ์ จอควบคุมการทำงานและจอแสดงผลเครื่องพิมพ์ออฟเซทป้อนม้วน แผงวงจรตู้ควบคุมไฟฟ้า ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งกำลังประเมินมูลค่าความเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมฯ ได้ให้พนักงาน/เจ้าหน้าที่องค์การค้าของ สกสค.ทุกคนออกจากโรงพิมพ์ และได้ปิดล้อมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 18 และ 20 มกราคม 2557 ทำให้องค์การค้าของ สกสค.ไม่สามารถดำเนินการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งต่อไปได้

องค์การค้าของ สกสค. จึงได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า ได้กำหนดแนวทางการแก้ปัญหาเพื่อให้การจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งเสร็จทันตามกำหนดเวลา ซึ่งขณะนี้ได้ขออนุญาตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้องค์การค้าของ สกสค.นำบัตรเลือกตั้งที่พิมพ์แล้วไปดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ และนำบัตรที่ยังไม่ได้จัดพิมพ์ไปจัดพิมพ์ที่โรงพิมพ์ภายนอก รวมทั้งขอกำลังทหารและตำรวจมาคุ้มกันทรัพย์สินขององค์การค้าของ สกสค. ตลอดจนได้แจ้งความต่อสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย และแจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว

ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2557 รมว.ศธ.ได้เปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าเสียหายจากเหตุผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ได้ปิดล้อมโรงพิมพ์องค์การค้าของ สกสค. และสถานการณ์เปิดปิดเรียนของสถานศึกษาในพื้นที่ภาคใต้ โดยกล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการประมาณการค่าเสียหาย กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองเข้าปิดล้อมโรงพิมพ์องค์การค้าของ สกสค. เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2557 มีความเสียหายกว่า 141,830,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการอย่างร้ายแรง ซึ่งในส่วนของการพิมพ์บัตรเลือกตั้งนั้น ทางองค์การค้าฯ จะพยายามพิมพ์บัตรให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา ทั้งนี้ได้กำชับให้โรงพิมพ์จัดพิมพ์หนังสือเรียนให้ทันตามเวลาด้วย เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับเด็กและเยาวชน


2) ผลกระทบต่อสถานศึกษาในสังกัด ศธ.

  • สถานการณ์วันที่ 13-22 มกราคม 2557

มีผลกระทบเฉพาะในส่วนกรุงเทพฯ จำนวนสถานศึกษาที่ปิดเรียนสูงสุดในวันแรก (13 มกราคม 2557) จำนวน 117 แห่ง จาก 1,147 แห่งทุกสังกัด คือ สพฐ. อาชีวะ อุดมศึกษา และเอกชน

จำนวนนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบ 349,832 คน ครู บุคลากร 51,617 คน

จนถึงวันนี้ สถานศึกษาทุกแห่งในกรุงเทพฯ เปิดเรียนครบแล้ว แต่ก็ยังมีผลกระทบกับการเดินทางมาเรียนของนักเรียนนักศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษามาก

– ข้อมูลวันนี้ พบว่ามีนักเรียนนักศึกษาที่ขาดเรียนร้อยละ 1–29  บุคลากรไม่สามารถเดินทางมาทำงานได้ร้อยละ 1–4 ขึ้นอยู่กับสถานศึกษาที่อยู่ใกล้/ไกลจากสถานที่ชุมนุม

  • สถานการณ์วันที่ 23 มกราคม 2557  ได้มีการขยายการปิดสถานศึกษาใน 14 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะ สถานศึกษาของอาชีวศึกษา ซึ่งมีจำนวนทั้งหมด 80 แห่ง วันนี้ปิดเรียน 46 แห่ง ดังนี้

จังหวัดที่ปิดเรียนทั้งจังหวัด รวม 6 จังหวัด คือ ชุมพร 7 แห่ง, สุราษฎร์ธานี 7 แห่ง, นครศรีธรรมราช 11 แห่ง, พัทลุง 6 แห่ง, สงขลา 5 แห่ง, กระบี่ 5 แห่ง และสตูล 3 แห่ง (รวม 44 แห่ง)

จังหวัดที่มีการปิดเป็นบางแห่ง รวม 1 จังหวัด คือ ตรัง ปิด 2 แห่ง จากจำนวนทั้งสิ้น 7 แห่ง

จังหวัดที่เปิดเรียนตามปกติ รวม 6 จังหวัด คือ ภูเก็ต 4 แห่ง, ระนอง 3 แห่ง, พังงา 4 แห่ง, ยะลา 5 แห่ง, ปัตตานี 6 แห่ง และนราธิวาส 2 แห่ง

สถานศึกษาของเอกชน ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้ง 280 แห่ง เปิดเรียนตามปกติแล้ว

สถานศึกษาสังกัดอื่นๆ กำลังรอข้อมูล

  • สถานการณ์วันที่ 24 มกราคม 2557   มีการปิดสถานศึกษาในจังหวัดภาคใต้ รวมทั้งสิ้น 235 แห่ง ดังนี้

สำนักงานศึกษาธิการภาค จำนวน 2 แห่ง
สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จำนวน 14 แห่ง
สำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัด จำนวน 3 แห่ง
– สถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จำนวน
24 แห่ง
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 139 แห่ง
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 53
แห่ง

รมว.ศธ.กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อนักเรียนนักศึกษาจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อการสอบด้วย เช่น บางโรงเรียนในจังหวัดสงขลาที่จัดครูมาติวให้กับนักเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่กลับถูกผู้ชุมนุมบีบบังคับให้ออกจากโรงเรียน สร้างความไม่พอใจให้ผู้ปกครองและนักเรียนที่สูญเสียโอกาสทางการศึกษา และทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น รวมทั้งกรณีโรงเรียนอิสลามมาริยะมูลนิธิ จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่งและควรประณามการกระทำของผู้ที่เข้าไปข่มขู่คุกคามในโรงเรียนซึ่งมีบริเวณติดกับมัสยิด โดยมีการใช้อาวุธปืนรบกวนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับมัสยิด สร้างความไม่พอใจและส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางศาสนา อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าปัญหานี้จะขยายตัวบานปลายออกไปอีกด้วย

การกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองเพื่อล้มรัฐบาล ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ/เอกชน สิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเป็นผลเสียต่อสังคมโดยรวมอย่างมาก เพราะนอกจากจะขัดกับหลักประชาธิปไตยแล้ว ยังสร้างความเสียหายต่อบ้านเมือง เกิดผลเสียต่อโอกาสและอนาคตของเด็กและเยาวชนจำนวนมาก

ทั้งนี้ในส่วนของการเยียวยาด้านการศึกษาของเด็กและเยาวชน ศธ.จะดำเนินการโดยการขยายเวลาเรียนหรือขยับเวลาสอบ ซึ่งการขยับเวลาสอบใหญ่ๆ ที่จะต้องสอบทั้งประเทศ เช่น การสอบเพื่อเปลี่ยนช่วงชั้น ก็จะกระทบกับนักเรียนจำนวนมาก และจะต้องอาศัยหลายฝ่าย ทั้งผู้บริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ ผู้ปกครอง คนในชุมชนและในสังคมนั้นๆ ร่วมปรึกษาหารือและสื่อสารกลับไปยังผู้ชุมนุม ที่อาจจะกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดจิตสำนึกและสติว่า ควรมีความสำนึกและรับผิดชอบต่อเด็กและเยาวชนของประเทศด้วย

3) มาตรการในการรับมือผลกระทบของ ศธ.

– แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังสภาวะวิกฤติฯ โดยมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการฯ โดยมีรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นายศุภกร วงศ์ปราชญ์) เป็นประธาน ซึ่งมีการประชุมทุกวัน เวลา 9.00 น.

– จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังสภาวะวิกฤติฯ และคณะทำงานจัดตั้งศูนย์

– กำหนดมาตรการเฝ้าระวังและการเผชิญเหตุจากการชุมนุมทางการเมืองของ ศธ.

– กำหนดแนวปฏิบัติกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาปิดล้อมสถานที่ราชการ

– แนวทางปฏิบัติงานในช่วงภาวะวิกฤติของหน่วยงานองค์กรหลักต่างๆ เช่น การติดต่อขอรับบริการผ่านสายด่วน 1579, One Stop Service ที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 และสถานที่ปฏิบัติงานสำรองต่างๆ ของแต่ละหน่วยงาน/องค์กรหลัก เป็นต้น

 


  • แนวทางการทำงานของ รมว.ศธ.ด้านการศึกษา

– ความเป็นรัฐบาลรักษาการ อาจจะใช้ระยะเวลาอีกนาน หาก ศธ.ไม่เร่งรัดการทำงาน ก็จะส่งผลเสียต่อการจัดการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนทั่วประเทศ จึงขอให้ทุกองค์กรเร่งดำเนินงานในเรื่องที่สามารถทำได้ตามอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมาย รวมทั้งเรื่องที่กำลังหาข้อสรุป หรือที่ได้ประกาศออกไป เช่น ปฏิทินการเปิด-ปิดภาคเรียน มิฉะนั้นหลายเรื่องที่ดำเนินการแล้ว หรือที่ผ่านความเห็นร่วมกันว่าดี ก็จะไม่มีอะไรก้าวหน้าเลย จึงจะจัดให้มีการจัดประชุมหารือกับผู้บริหารระดับสูงของแต่ละองค์กร เพื่อติดตามความก้าวหน้าการทำงาน

– การประชาสัมพันธ์การปฏิรูปการศึกษา ขอให้ประชาสัมพันธ์งานในแต่ละส่วนที่สามารถประชาสัมพันธ์ได้ เพื่อให้สังคม ผู้ปกครอง และชุมชนได้รับรู้ความก้าวหน้าการดำเนินงานของ ศธ. เช่น การมีส่วนร่วม และผลที่จะเกิดขึ้นจากการปฏิรูปการศึกษา รวมทั้งมีแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจนสำหรับผู้บริหารทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง เขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษา

– เรื่องที่จะต้องทำให้ทันก่อนเปิดภาคเรียน ขอให้ดำเนินการตามประกาศและปฏิทินการเปิด-ปิดภาคเรียน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการเรียนการสอน

– การทดสอบภาษาอังกฤษ ภาษาจีน สพฐ.จะต้องประสานและทำงานเชื่อมโยงกับ สอศ. สช. ทั้งการจัดห้องเรียน มีระบบวิชาเลือก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ หลักการคือ ต้องจัดห้องเรียนและลดจำนวนคน เช่น 20 คนต่อห้องเรียน แต่หากไม่มีระบบวิชาเลือกและมีการบังคับเด็กให้เรียนทั้งหมด ก็จะไม่ประสบความสำเร็จและเกิดการสูญเปล่า จะทำอย่างไรให้มีแนวปฏิบัติรองรับและมีการซักซ้อมเพื่อให้ระบบการเรียนวิชาภาษาจีนเกิดขึ้นได้จริงภายในปีการศึกษา 2557 หากดำเนินการไม่ทันก็จะเกิดเสียเวลาไปอีก 1 ปี  ซึ่งได้รับรายงานว่า สพฐ.ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำแนวปฏิบัตินำไปสู่การปฏิบัติในเรื่องภาษาจีน ได้ทบทวนระเบียบแนวปฏิบัติเดิมเกี่ยวกับการวัดและประเมินผล รวมทั้งภาษาอังกฤษที่จะส่งเสริมให้มีวิชาสนทนาและการจัดห้องเรียนนั้น แม้ว่าจะเป็นเรื่องของ สพฐ. แต่ฝากให้ช่วยกันหารือกับส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย

———————————–