มติคณะรัฐมนตรี               เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์           2562 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ           คือ รับทราบ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ มาตรการป้องกันการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทน เพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เสนอ
โดยให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับมาตรการดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
สาระสำคัญ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ดังนี้
1. ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล
     1.1                ควรพิจารณาดำเนินการปฏิรูประบบการจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน               โดยปรับปรุงระบบการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบันและให้คำนึงถึงความจำเป็นตามสภาพพื้นที่ทางภูมิศาสตร์               สภาพทางเศรษฐกิจ และที่ตั้งของสถานศึกษา               ซึ่งจะทำให้แต่ละสถานศึกษามีทรัพยากรที่เพียงพอ               สามารถนำไปสู่การเพิ่มคุณภาพการศึกษา
     1.2                ควรพิจารณากำหนดให้แต่ละสถานศึกษาดำเนินการจัดทำแผนงาน/โครงการ               เพื่อเสนอขออนุมัติงบประมาณสนับสนุนการบริหารจัดการและการดำเนินการจัดการเรียนการสอนของแต่ละสถานศึกษาให้มีการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษามากยิ่งขึ้น               ทั้งนี้               เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปตามความต้องการและความจำเป็นอย่างแท้จริงของแต่ละสถานศึกษา
     1.3                ควรพิจารณากำหนดมาตรการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษี               เพื่อสนับสนุนการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษาและเพื่อสร้างการจูงใจให้มีการระดมทรัพยากรในรูปของเงินบริจาค               โดยมุ่งเน้นให้ผู้บริจาคเงินเพื่อการศึกษาให้กับโรงเรียนที่มิใช่โรงเรียนที่มีการแข่งขันสูงหรือโรงเรียนที่มีความขาดแคลนหรือด้อยโอกาสห่างไกลความเจริญ               หรือโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร               หรือโรงเรียนที่ขาดแคลนทรัพยากรในด้านต่าง ๆ               ได้รับสิทธิทางด้านภาษีมากกว่าปกติที่กำหนด ณ ปัจจุบัน               รวมทั้งกรณีที่บริษัทเอกชนบริจาคสิ่งของและวัสดุอุปกรณ์แทนเงินสด               เห็นควรให้ได้รับสิทธินำมาลดหย่อนการเสียภาษีได้ด้วย               โดยให้กระทรวงการคลัง กรมสรรพากร               และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางที่ชัดเจนเพื่อสนับสนุนมาตรการดังกล่าวเพื่อเป็นมาตรการจูงใจในการบริจาคและกระจายทรัพยากรไปสู่สถานศึกษาต่าง               ๆ อย่างทั่วถึงต่อไป
     1.4                ควรพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการและสนับสนุนด้านงบประมาณ               ภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. 2561                เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว               เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
2. ข้อเสนอแนะต่อ สพฐ.
                                 2.1                พิจารณายกเลิกหลักเกณฑ์การรับนักเรียนกรณีนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษทั้ง                7 ข้อ               เนื่องจากเป็นช่องทางสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษา               โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างระบบการสอบคัดเลือกการรับนักเรียนอย่างยุติธรรม               โปร่งใส และตรวจสอบได้ ทั้งนี้               เพื่อเป็นการลดปัญหาการฝากเด็กเข้าเรียนโดยเรียกรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ตอบแทน
     2.2                เห็นควรให้กำหนดวิธีการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การคำนวณสัดส่วนการรับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ               นักเรียนทั่วไป และนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ ตามประกาศของ สพฐ.                เรื่อง นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนสังกัด สพฐ.                ให้มีความชัดเจน               โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการให้เด็กได้ศึกษาต่อยังสถานศึกษาใกล้บ้านและเพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันในทุกสถานศึกษาสำหรับเป็นแนวทางนำไปปฏิบัติต่อไป
     2.3                เห็นควรให้กำหนดคุณสมบัติและหลักเกณฑ์การเป็นนักเรียนในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนให้มีความชัดเจนและมีความเข้มงวด               โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดนิยามและคุณสมบัติของการเป็นนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ               เช่น               ระยะเวลาในการมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียน               และกรณีมีการย้ายเข้ามาพักอาศัยในทะเบียนบ้านซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียน               อีกทั้งเห็นควรให้กำหนดนิยามความหมายของนักเรียนในเขตพื้นที่บริการให้ครอบคลุมถึงนักเรียนที่เป็นบุตรข้าราชการครูและบุคลากรของโรงเรียนนั้น               ๆ ด้วย เพื่อให้เป็นหลักเกณฑ์การพิจารณาในลักษณะเดียวกันทั่วประเทศ               และเป็นการป้องกันหรือลดการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ
          ในการนี้               เพื่อให้ได้นักเรียนที่เป็นผู้มีภูมิลำเนาและอาศัยอยู่ในพื้นที่จริง               มิใช่มีเพียงแต่ชื่อปรากฏอยู่ในทะเบียนบ้าน               แต่มิได้อาศัยอยู่ในทะเบียนบ้านดังกล่ว               และเพื่อให้กระบวนการการรับนักเรียนเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส               และเป็นธรรม               สถานศึกษาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีกระบวนการในการตรวจสอบและพิสูจน์สิทธิ               โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีมีการย้ายเข้ามาพักอาศัยในทะเบียนบ้านซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่บริการของโรงเรียนแต่ละแห่ง
          นอกจากนี้               เห็นควรให้มีการดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ปกครองนักเรียน               และประชาชน               รวมทั้งเจ้าพนักงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรับทราบถึงความผิดและบทลงโทษกรณีการปลอมแปลงเอกสารและการแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ               ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
     2.4                เห็นควรให้กำหนดระเบียบหรือข้อบังคับที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน               ในการกำหนดรูปแบบมาตรฐานกลางสำหรับการประกาศผลการคัดเลือกนักเรียน               การประกาศผลการสอบ คะแนนการสอบ               โดยเรียงรายชื่อตามลำดับคะแนนที่สอบแข่งขันได้ของนักเรียนที่เข้าสอบทุกคน               เพื่อให้สถานศึกษาทุกแห่งภายใต้สังกัด สพฐ.                ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดและมีกระบวนการรับนักเรียนที่โปร่งใส               ตรวจสอบได้ เป็นธรรม และเสมอภาค               และในกรณีที่สถานศึกษามีการรับนักเรียนเพิ่มเติมไม่ว่าในกรณีใด               ให้ดำเนินการเรียกรับนักเรียนตามประกาศผลการสอบที่ได้เรียงรายชื่อตามลำดับคะแนนที่สอบแข่งขันได้               ทั้งนี้               ให้ทุกสถานศึกษาต้องประกาศผลการสอบโดยเรียงตามลำดับคะแนนสอบของผู้เข้าสอบแข่งขันทุกคน               โดยเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อสาธารณะ
     2.5                เห็นควรกำหนดให้ทุกสถานศึกษาต้องดำเนินการแจ้งค่าใช้จ่าย               และรายละเอียดการเก็บเงินบำรุงการศึกษาไว้ในประกาศการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อของแต่ละสถานศึกษา               เพื่อให้ผู้ปกครองนักเรียนได้รับทราบไว้โดยชัดเจน               โดยจะเป็นมาตรการป้องกันมิให้มีการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษาเกินอัตราที่กำหนด               และเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทั้งนี้               การเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษาและการใช้จ่ายเงินบำรุงการศึกษาต้องเป็นไปตามระเบียบราชการโดยเคร่งครัด
     2.6 ควรกำหนดนโยบายด้านการจัดการศึกษา               รวมทั้งระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนให้มีความชัดเจน               พร้อมทั้งซักซ้อมเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางในการปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ
     2.7                เห็นควรให้มีการประกาศห้ามมิให้สถานศึกษาดำเนินการเอื้อประโยชน์               โดยให้สิทธิพิเศษหรือโควตาแก่สมาคมผู้ปกครองและครู สมาคมศิษย์เก่า               หรือสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับด้านการศึกษาของแต่ละสถานศึกษา               ในลักษณะที่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในการฝากเด็กเข้าเรียนหรือในลักษณะการมีผลประโยชน์ต่างตอบแทน
3. ข้อเสนอแนะต่อกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
                                  3.1                ควรเร่งรัดการดำเนินการพัฒนามาตรฐานการศึกษาของแต่ละโรงเรียนให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน               หรืออยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม               โดยให้มีการดำเนินการจัดสรรงบประมาณทางด้านการศึกษาโดยพิจารณาและคำนึงถึงการสนับสนุนงบประมาณเพื่อส่งเสริมและพัฒนาโรงเรียนในระดับรองและโรงเรียนในส่วนภูมิภาคให้สามารถเพิ่มศักยภาพและคุณภาพการศึกษาให้สูงขึ้น               และให้มีการสร้างแรงจูงใจหรือมาตรการสนับสนุนให้บุคลากรครู               อาจารย์ที่มีศักยภาพสูงในสาขาวิชาการต่าง ๆ               ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนที่กำลังพัฒนา               เพื่อให้มีการกระจายบุคลากรครูและอาจารย์ที่มีศักยภาพไปทำการสอนยังโรงเรียนในส่วนภูมิภาคให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วย               ทั้งนี้               เพื่อให้ผู้ปกครองนักเรียนเกิดความรู้สึกไว้วางใจและเชื่อมั่นในคุณภาพการจัดการศึกษาในการที่จะส่งบุตรหลานไปศึกษาต่อยังโรงเรียนในระดับรองลงมา               และเป็นการแก้ไขปัญหาการแย่งกันเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีการแข่งขันสูง               นอกจากนี้               ควรให้ความสำคัญกับกระบวนการประเมินคุณภาพการศึกษาและการพัฒนาการเรียนการสอนของโรงเรียนด้วย
     3.2                เห็นควรให้มีการดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจ               ให้ผู้ปกครองนักเรียนและประชาชน               รวมทั้งเจ้าพนักงานของรัฐที่เกี่ยวข้องรับทราบถึงความผิดและบทลงโทษกรณีการเรียก               รับ               หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียน               โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของเงินบริจาค ทั้งนี้               การกระทำดังกล่าวนั้นไม่อาจถือได้ว่าเป็นเงินบริจาค               แต่ถือว่าเป็นเรื่องของ “สินบน” ในฐานะผู้รับสินบนกับผู้ให้สินบน               ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมาย ป.ป.ช.
     3.3                เห็นควรให้มีการดำเนินการร่วมกันระหว่าง ศธ. กับ สพฐ.                ในการพิจารณากำหนดแนวทางหรือมาตรการการตรวจสอบภายใน               เพื่อให้กลไกการตรวจสอบการดำเนินการเกี่ยวกับการรับนักเรียนของโรงเรียนทั่วประเทศเป็นไปตามนโยบายและแนวปฏิบัติการรับนักเรียนโดยเคร่งครัด               โดยให้มีการดำเนินการตรวจสอบขั้นตอนการรับนักเรียนทั้งก่อนการรับนักเรียน               ช่วงที่มีการรับนักเรียน และภายหลังการรับนักเรียน               และมอบหมายให้หน่วยงานด้านกำกับดูแลในระดับเขตพื้นที่การศึกษาและในระดับจังหวัด               ได้แก่ คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด               คณะกรรมการรับนักเรียนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา               หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน               และสร้างการทำงานเชิงรุกในระดับพื้นที่               รวมทั้งจัดทำแผนการดำเนินการร่วมกันในระดับจังหวัดเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการรับนักเรียนโดยการกำหนดมาตรการป้องกัน               ป้องปราม               ที่จะไม่ให้เกิดปัญหาเด็กฝากและการรับเงินเพื่อแลกเปลี่ยนกับการรับนักเรียนเข้าเรียนอย่างเป็นรูปธรรม               เช่น               มีการจัดทำแผนการดำเนินการร่วมกันในการสุ่มตรวจสอบการรับนักเรียนของสถานศึกษา               โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานศึกษาที่มีการแข่งขันสูง ทั้งนี้               เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติและเป็นกลไกการควบคุมดูแลตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ               เป็นต้น
     3.4                เห็นควรให้มีการสุ่มตรวจสอบรายได้ของสถานศึกษา               ทั้งก่อนและหลังช่วงเวลาการรับนักเรียน               โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจสอบเงินบริจาคของสถานศึกษาที่มีอัตราการแข่งขันสูงเป็นประจำทุกปี               เพื่อสร้างกลไกการตรวจสอบและป้องปรามปัญหาการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ในการเข้าเรียน               รวมทั้งกำหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลรายรับ                –               รายจ่ายของแต่ละสถานศึกษา               ข้อมูลการรับเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้แก่สถานศึกษา               และจัดทำฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ชื่อผู้บริจาค               วัตถุประสงค์ของการบริจาค เผยแพร่บนเว็บไซต์ของโรงเรียนแต่ละแห่ง               เพื่อให้สาธารณชนสามารถตรวจสอบได้ทุกขณะ
     3.5                เห็นควรให้มีการดำเนินการลงโทษอย่างเคร่งครัด               ในกรณีที่สถานศึกษาหรือผู้มีอำนาจของสถานศึกษา               ไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อ               ทั้งนี้               เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
     3.6                เห็นควรให้มีการกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสหรือผู้ให้ข้อมูลการกระทำทุจริต               ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานภายในหน่วยงาน เช่น ครู อาจารย์               หรือบุคลากรทางการศึกษา               และบุคคลภายนอกผู้แจ้งเบาะแสหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนในสถานศึกษาเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้แจ้งเบาะแสหรือให้ข้อมูล               รวมทั้งให้มีการสนับสนุนและส่งเสริมการตรวจสอบติดตามการดำเนินการรับนักเรียน               โดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมและสื่อมวลชนเพื่อเปิดโอกาสให้มีผู้ร่วมสังเกตการณ์การรับนักเรียนในทุกขั้นตอน
4. ข้อเสนอแนะดังกล่าวข้างต้น
มุ่งเสนอต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนของสถานศึกษาซึ่งอยู่ภายใต้สังกัด สพฐ.
ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาสในการเข้าเรียนของสถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรนำข้อเสนอแนะไปใช้กับสถานศึกษาภายใต้สังกัดหน่วยงานอื่นด้วย เช่น สถานศึกษาภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สถานศึกษาภายใต้สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น

 
                    
 
			 
			 
			