รมช.ศธ.“ลิณธิภรณ์” ประชุม ก.ค.ศ. ย้ำ “ทบทวน รอบคอบ มีมาตรฐาน ชัดเจน”

30 กรกฎาคม 2568 / ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 6/2568 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ

โดยมีนายธนู ขวัญเดช เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นเลขานุการการประชุม นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยคณะกรรมการ ก.ค.ศ. เข้าร่วมประชุม

ผลการประชุม มีมติที่สำคัญ ดังนี้

  • อนุมัติ ให้ขยายระยะเวลาการใช้กรอบอัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ตำแหน่งครู  ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) จำนวน 4,598 อัตรา ของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ออกไปอีกเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และให้กรมส่งเสริมการเรียนรู้ รายงานผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ ตามตัวชี้วัดค่าเป้าหมายความสำเร็จที่ ก.พ.ร. มีมติเห็นชอบ ตามมติ ก.ค.ศ. อย่างเคร่งครัดต่อไป
  • เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำกรุงเทพมหานคร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำกรุงเทพมหานคร สังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้

    เพื่อให้หน่วยการศึกษามีผู้บริหารการศึกษาที่สามารถบริหาร จัดการศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทของส่วนราชการที่เปลี่ยนแปลงไป และสามารถขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงศึกษาธิการไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในอันที่จะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ จึงเห็นควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกฯ ตำแหน่งในสายงานบริหารการศึกษา สังกัด สกร.

    แต่เนื่องจากปัจจุบันกรมส่งเสริมการเรียนรู้ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำข้อมูลเพื่อขอกำหนดกรอบอัตรากำลังใหม่ให้สอดคล้องกับภาระงานตามประกาศกรมส่งเสริมการเรียนรู้ และตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริม
การเรียนรู้ประจำจังหวัด และรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำกรุงเทพมหานคร ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ. 2566 จึงเห็นควรกำหนดเงื่อนไขในการดำเนินการคัดเลือกฯ ตำแหน่ง 
รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด และรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริม การเรียนรู้ประจำกรุงเทพมหานคร ว่า การดำเนินการคัดเลือกฯ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงาน ส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด และรองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำกรุงเทพมหานคร จะดำเนินการได้ “เมื่อ ก.ค.ศ. มีมติกำหนดกรอบอัตรากำลังในหน่วยงานการศึกษาและสถานศึกษา สังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้

    ทั้งนี้ ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงาน กศน. จังหวัด/กรุงเทพมหานคร และผู้อำนวยการ สำนักงาน กศน. จังหวัด/กรุงเทพมหานคร สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.6/29 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2564

  • เห็นชอบให้ตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา จากอัตราว่างผลการเกษียณอายุราชการ ซึ่งเป็นอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2567 มากำหนดเป็นตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ในโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จำนวน 18 แห่งได้ รวมทั้งสิ้น 621 ตำแหน่ง

    แบ่งเป็น
ในโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จำนวน 9 แห่ง แห่งละ 35 ตำแหน่ง และในโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จำนวนอีก 9 แห่ง แห่งละ 34 ตำแหน่ง ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องไม่เป็นการเพิ่มหรือกระทบต่อภาระงบประมาณรายจ่ายด้านบุคคล ตามบัญชีรายละเอียดการตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือน

    ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.ศ. เสนอข้อมูลที่ ก.ค.ศ. เห็นชอบไปยังคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อขออนุมัตินำตำแหน่ง ผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งเป็นอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2567 ที่ได้รับการจัดสรรคืนจาก ก.ค.ศ. แล้ว 
จำนวน 371 ตำแหน่ง ซึ่งไม่สามารถจัดลงในสถานศึกษาได้ตามเงื่อนไขของ คปร. เนื่องจากโรงเรียนยุบเลิกและโรงเรียนรวม และในปัจจุบันไม่มีนักเรียนแล้ว ไปกำหนดเป็นตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) ตามกรอบอัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด ในโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ต่อไป

  • เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ตำแหน่งครูผู้ช่วย เพื่อพัฒนาปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการฯ และแบบประเมินฯ ผ่านแบบสอบถามออนไลน์ และการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลภาคสนาม และได้จัดทำ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม

    ร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าว ประกอบด้วย 1) แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการนับระยะเวลาการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ตำแหน่งครูผู้ช่วย 2) หลักสูตรการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ตำแหน่งครูผู้ช่วย และ 3) แบบบันทึกการประเมินการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ตำแหน่งครูผู้ช่วย โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

  1. ครูผู้ช่วย ต้องเข้ารับการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มในสถานศึกษาเป็นเวลาสองปี โดยมี
การประเมินทุกหกเดือน รวม 4 ครั้ง โดยกำหนดหลักสูตรการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ซึ่งประกอบด้วย ด้านวิชาชีพ ด้านสังคม และด้านคุณลักษณะส่วนบุคคล
  2. ให้มีคณะกรรมการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม จำนวน 3คน ประกอบด้วย 1) ผู้อำนวยการสถานศึกษาหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ 2) ศึกษานิเทศก์ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการ และ 
3) ครูในสถานศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการ
  3. กรณีครูผู้ช่วยมีผลการประเมินในครั้งใดต่ำกว่าเกณฑ์การประเมินให้สามารถโต้แย้งแสดงหลักฐานภายใน
5 วันทำการ เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาทบทวนผลการประเมินได้
    กรณีครูผู้ช่วยมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินเมื่อครบกำหนด 2ปี และ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง พิจารณาอนุมัติผลการประเมินแล้ว ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 ออกคำสั่งแต่งตั้งครูผู้ช่วยผู้นั้นดำรงตำแหน่งครูในวันถัดจากวันครบกำหนดการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม
    ในส่วนของแนวปฏิบัติการนับระยะเวลาเตรียมความพร้อมฯ กำหนดการนับระยะเวลาในกรณีต่าง ๆ เช่น 
การลา การไปช่วยราชการในสถานศึกษาอื่น การได้รับการบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครูผู้ช่วยตามบัญชี
ผู้สอบแข่งขันได้ เป็นต้น
    สำหรับหลักสูตรการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มฯ ประกอบด้วย 3 ด้าน คือ ด้านวิชาชีพ ด้านสังคม และด้านคุณลักษณะส่วนบุคคล ซึ่งการประเมินในแต่ละด้าน ผลการประเมินใช้เกณฑ์ผ่านหรือไม่ผ่าน โดยครูผู้ช่วย
ต้องมีผลการประเมินผ่านจากกรรมการทุกคน ในการประเมินทุก 6 เดือน รวม 4 ครั้ง ใน 2 ปี 

ทั้งนี้ ให้ยกเลิกหลักเกณฑ์และวิธีการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ตำแหน่งครูผู้ช่วย ตาม ว 19/2561 และแบบประเมินการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ตำแหน่งครูผู้ช่วย ว 26/2561

  • เห็นชอบ รายละเอียดการดำเนินการเกี่ยวกับการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ขอให้พิจารณารายละเอียดการดำเนินการเกี่ยวกับการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา และตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกฯ (ว 12/2568)
  • การพิจารณาให้ความเห็นชอบ การแต่งตั้ง อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ เพื่อทำการใด ๆ แทน ก.ค.ศ. สืบเนื่องจาก อ.ก.ค.ศ. วิสามัญฯ ตามประกาศคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกาศ ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 จึงมีผลให้ 
อ.ก.ค.ศ. วิสามัญฯ ทั้ง 11 คณะ

    สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงต้องดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่ง อ.ก.ค.ศ. วิสามัญฯ ชุดใหม่ มาทดแทน

    โดย ก.ค.ศ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการได้มา คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และการพ้นจากตำแหน่งของประธานอนุกรรมการกรณีที่มิได้แต่งตั้งจากกรรมการใน ก.ค.ศ. และของอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและอนุกรรมการซึ่งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ใน อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ พ.ศ. 2568 ตาม ว 16/2568 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2568 และได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าว ซึ่ง ก.ค.ศ. มีมติเห็นควรแต่งตั้ง อ.ก.ค.ศ. วิสามัญ เพื่อทำการใด ๆ แทน ก.ค.ศ. จำนวน 11 คณะ แทน อ.ก.ค.ศ. วิสามัญฯ ชุดเดิมที่หมดวาระลง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ประธาน ก.ค.ศ. ลงนามในคำสั่งฯ

ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานที่ประชุม ได้เน้นย้ำในที่ประชุม ขอให้ทบทวนการพิจารณาขั้นตอนต่าง ๆ อย่างรอบคอบ มีมาตรฐาน และชัดเจนที่สุด

สุกัญญา จันทรสมโภชน์ / เรียบเรียง
ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า /ภาพ

ข้อมูล /กลุ่มประชาสัมพันธ์และการเผยแพร่ สำนักงาน ก.ค.ศ.