จังหวัดชลบุรี – 9 ตุลาคม 2568 / นายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบนโยบายขับเคลื่อนกิจการลูกเสือ โดยมีนายวรัท พฤกษาทวีกุล รองปลัด ศธ. ทำหน้าที่เลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (สลช.) นายสุภชัย จันปุ่ม รองเลขาธิการ สกศ. ทำหน้าที่รองเลขาธิการ สลช. นางสาววันเพ็ญ บุรีสูงเนิน ผตร.ศธ. ทำหน้าที่ผู้ช่วยเลขาธิการ สลช. นายพงศ์ธสิษฐ์ ปิจนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี คณะกรรมการบริหาร สลช. บุคลากรทางการลูกเสือ ให้การต้อนรับและเข้าร่วม ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ
รมช.ศธ. กล่าวว่า การได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) ให้กำกับดูแลสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ถือเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ เนื่องจากกิจการลูกเสือเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างเยาวชนไทยให้เติบโตเป็นคนดี มีคุณธรรม จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีจิตสาธารณะเพื่อส่วนรวม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ
ถึงแม้ว่ารัฐบาลชุดนี้มีกรอบระยะเวลาการบริหารงาน แต่มีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนนโยบายสำคัญด้านการศึกษา เพื่อสร้างความมั่นคงทางจิตใจ และเสริมสร้างรากฐานที่เข้มแข็งให้กับเยาวชนไทย ซึ่งท่านรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงศึกษาธิการ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) ได้ให้นโยบายว่า “ความจงรักภักดี” เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการพัฒนาเยาวชนไทยในยุคปัจจุบัน และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการส่งเสริมบทบาทของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ให้เข้ามามีส่วนสำคัญในการปลูกฝังจิตสำนึกผ่านกิจกรรมและหลักสูตรลูกเสือที่หลากหลายและทันสมัยมากยิ่งขึ้น
สำหรับแนวทางการดำเนินงานขอให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรลูกเสือให้สอดคล้องกับบริบทของโลกยุคใหม่ โดยบูรณาการเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับกิจกรรมลูกเสือ เช่น สำรวจพื้นที่ การใช้ระบบ AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลภูมิประเทศ และการฝึกทักษะดิจิทัลควบคู่กับทักษะชีวิต เพื่อให้ลูกเสือรุ่นใหม่สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงและสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม ขณะเดียวกันก็ควรส่งเสริมแนวคิด “ลูกเสือเฉพาะทางหรือลูกเสือประจำภูมิภาค”
เพราะแต่ละภูมิภาคมีบริบทที่แตกต่างกันจึงควรเพิ่มความรู้เฉพาะทางให้กับลูกเสือตามลักษณะพื้นที่ ลูกเสือเฉพาะทางในพื้นที่ชายแดน ที่เรียนรู้การดูแลชุมชน และสร้างความเข้าใจร่วมกับเพื่อนบ้านในภูมิภาค หรือลูกเสือในพื้นที่ท่องเที่ยว ที่สามารถนำความรู้ด้านการบริการและความปลอดภัยมาช่วยดูแลนักท่องเที่ยว และช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ถือเป็นการ “ต่อยอดองค์ความรู้เดิม เพิ่มเติมองค์ความรู้ใหม่” และเป็นการสร้างโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้ทักษะชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
นอกจากนี้การปลูกฝัง “จิตอาสา มีวินัย จงรักภักดี” ผ่านกิจกรรมลูกเสือที่มุ่งให้เยาวชนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง จะเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนภาคภูมิใจในการสวมเครื่องแบบลูกเสือ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติ ศักดิ์ศรี และความมีระเบียบวินัย และพร้อมเสนอแนวทางให้ภาครัฐพิจารณาช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องแบบลูกเสือ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กทุกคนได้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างเท่าเทียม
ขอมอบหมายให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ เช่น โครงการลูกเสืออาสาพัฒนา การบำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ และโครงการจิตอาสาพัฒนาชุมชน เพื่อให้ลูกเสือไทยเป็นพลังแห่งการทำความดีและสร้างสังคมที่มีน้ำใจ ซึ่งในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะมีการจัดกิจกรรมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 “องค์พระบิดาแห่งลูกเสือไทย” เนื่องในวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า (25 พฤศจิกายนของทุกปี) เพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของพระองค์ในการสร้างเยาวชนที่เข้มแข็งและมีคุณธรรม
“ขอบคุณคณะผู้บริหารและบุคลากรทางการลูกเสือทุกท่าน ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการขับเคลื่อนกิจการลูกเสือให้เป็นพลังสำคัญของการพัฒนาเยาวชนไทย ทั้งในด้านคุณธรรม ความจงรักภักดี และความพร้อมในการเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ กิจการลูกเสือคือหัวใจของการสร้างคนดีให้แก่บ้านเมือง และเชื่อมั่นว่า ลูกเสือไทยจะยังคงเป็นสถาบันที่สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนก้าวสู่การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ และที่สำคัญ ลูกเสือ คือ พลังของชาติ”
เลขาธิการ สลช. กล่าวด้วยว่า สํานักงานลูกเสือแห่งชาติ เป็นหน่วยงานที่มุ่งเน้นในการพัฒนาเยาวชนให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ เป็นกําลังหลักในพัฒนาประเทศให้มีความสงบสุข เจริญก้าวหน้า จึงได้มีการจัดประชุมในครั้งนี้ เพื่อรับฟังนโยบายขับเคลื่อนกิจการลูกเสือ นําไปเป็นแนวทางในการพัฒนากิจกรรม ความร่วมมือ การบูรณาการให้สอดคล้องกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง นำไปสู่การพัฒนากิจการลูกเสือไทยอย่างต่อเนื่อง
จากนั้น รมช.ศธ. และคณะ ได้เยี่ยมชมสภาพแวดล้อมภายในค่ายลูกเสือวชิราวุธ บนพื้นที่กว่า 498 ไร่ พร้อมพบปะและให้กำลังใจผู้เข้ารับการอบรมการจัดทำสื่อการฝึกอบรมหลักสูตรผู้กำกับลูกเสือขั้นความรู้ทั่วไป (G.I.C.) และผู้กำกับลูกเสือขั้นความรู้เบื้องต้น (B.T.C.) โดยหวังให้เป็นกำลังสำคัญในการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนพัฒนาลูกเสือไทยให้ยั่งยืนสืบไป
อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว
พีรณัฐ ยุชยะทัต / ภาพ