ปลัด ศธ. ‘สุเทพ’ เยือนมหาวิทยาลัยการศึกษากุ้ยโจวหารือส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาไทย-จีน อย่างรอบด้าน

28 กรกฎาคม 2568 / นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้เดินทางเยือนมหาวิทยาลัยการศึกษากุ้ยโจว (Guizhou Education University) ณ เมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำเชิญของ Ms. Wang Shuqian อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษากุ้ยโจว เพื่อร่วมหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษาไทย-จีน โดยมี Mr. Chen Zhenboอธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษากุ้ยโจว และคณะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยฯ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ในการนี้ อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษากุ้ยโจว ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนที่ดำเนินมายาวนานและครบรอบ 50 ปี ในปีนี้ ตลอดระยะเวลาแห่งมิตรภาพดังกล่าว มหาวิทยาลัยการศึกษากุ้ยโจวและกระทรวงศึกษาธิการ ประเทศไทย  โดยความร่วมมือด้านการศึกษาของมหาวิทยาลัยกับประเทศไทยได้มีมาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี ผ่านโครงการและกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพด้านการสอนภาษาจีน (Chinese Language Teaching Assistants Internship Programme) ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 มีนักศึกษาที่ไปเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยได้รับประสบการณ์อันทรงคุณค่า ทั้งด้านการเรียนรู้บริบทสังคมไทย การเพิ่มพูนวิสัยทัศน์ในระดับนานาชาติ ตลอดจนการสร้างความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรมร่วมกับนักเรียนและชุมชนในพื้นที่ ในปี พ.ศ. 2568 มีนักศึกษาเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยสอนภาษาจีนในประเทศไทย จำนวน 9 คน ซึ่งการไปปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยสอนภาษาจีนเปรียบเสมือน “ทูตวัฒนธรรมเคลื่อนที่” ที่มีบทบาทสำคัญในการกระชับสายสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวแสดงขอบคุณสำหรับการต้อนรับมหาวิทยาลัยการศึกษากุ้ยโจว และกล่าวถึงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนในโอกาสครบรอบ 50 ปี โดยความสัมพันธ์ทางการทูต ระบุว่าทั้งสองประเทศมีสายใยแห่งมิตรภาพที่หยั่งรากลึกมายาวนานกว่าแปดร้อยปี ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวจีนได้นำโถถ้วยชามสังคโลกมาแลกเปลี่ยนค้าขายกับชาวไทยในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นทั้งในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่สืบเนื่องมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งกล่าวถึงนโยบายการศึกษาของประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาด้านทักษะภาษา “3+1” คือ 1) ภาษาไทย 2) ภาษาอังกฤษ 3) ภาษาจีน และอีกประการหนึ่ง คือ ทักษะด้านเทคโนโลยี ทั้งนี้ ประเทศไทยมองว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนมีการพัฒนาการที่มีความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดในหลายหลากมิติ กระทรวงศึกษาธิการจึงได้บรรจุวิชาภาษาจีนไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีวศึกษาและอุดมศึกษา เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับนักเรียน นักศึกษาไทยสามารถใช้องค์ความรู้ด้านทักษะภาษาจีนในการหางานในอนาคต

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยมีข้อจำกัดในเรื่องครูสอนภาษาจีนมีน้อย จึงรู้สึกยินดีและขอบคุณมหาวิทยาลัยการศึกษากุ้ยโจวที่สนับสนุนและสานต่อการดำเนินโครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพด้านการสอนภาษาจีนตลอดมา  

ประเทศไทยเล็งเห็นว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในหลายด้านที่มีอิทธิพลต่อประเทศไทยทั้งด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เครื่องมือสื่อสาร และมหาวิทยาลัยการศึกษากุ้ยโจว ก็เป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพในการผลิตนักศึกษาในด้านนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งมีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของกระทรวงศึกษาธิการที่มุ่งเน้นการพัฒนาหลักสูตร การจัดการศึกษา รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษา อาทิ upskill reskill และการพัฒนาระยะสั้น

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยการศึกษากุ้ยโจวได้นำเสนอแอพลิเคชั่น “molcraft” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ส่งเสริมการเรียนการสอนในวิชาเคมี โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการเรียนการสอนในพื้นที่ห่างไกล และพื้นที่ทุรกันดานที่ไม่มีความพร้อมในเรื่องเครื่องมือและอุปกรณ์การเรียนการสอนวิชาเคมี โดยแอพลิเคชั่นดังกล่าวจะช่วยให้ผู้เรียนเข้าถึงองค์ความรู้ได้มากยิ่งขึ้นเสมือนการเรียนและการทดลองในห้องปฏิบัติการจริง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่มุ่งแก้ไขปัญหาความเท่าเทียมในการเข้าถึงระบบการศึกษาในพื้นที่ห่างไกล ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้เสนอให้มีการพัฒนาและปรับปรุงแอพพลิเคชั่น “molcraft” ให้สามารถใช้ได้ทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งมหาวิทยาลัยฯ ยินดีที่จะดำเนินการและจัดทำเวอร์ชั่นภาษาไทยในอนาคต

ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้มุ่งมั่นแสดงความพร้อมที่จะขยายความร่วมมือเพิ่มเติมในมิติต่าง ๆ ได้แก่ การขยายการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนและครูผู้สอนทั้งด้านการเรียนการสอนภาษาจีนและด้านทักษะเทคโนโลยี อาทิ โครงการแลกเปลี่ยนฝึกประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมจริง การร่วมกันพัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษาด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถไฟความเร็วสูงเชี่อมต่อเส้นทางจากจีน สปป.ลาว และไทย เป็นต้น ตลอดจนการแลกเปลี่ยนผู้บริหาร คณาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรของทั้งสองประเทศผ่านกิจกรรมศึกษาดูงานเชิงวิชาการ (Study Visits) ซึ่งภายหลังจากกิจกรรมดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องและยินดีสานต่อความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือทางการศึกษาระหว่างกันเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักเรียนและครูทั้งสองประเทศในอนาคตต่อไป

สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สป./สรุป-ภาพ