รมว.ศธ. “นฤมล” เปิดเวทีสมัชชาสภาการศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 3 Future Learn Future Earn : เรียนรู้เพื่อก้าวสู่อนาคต

22 สิงหาคม 2567 – ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมสมัชชาสภาการศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 3 (3rd National Education Assembly) “Future Learn Future Earn : เรียนรู้เพื่อก้าวสู่อนาคต” โดยมี รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา ดร.นิติ นาชิต รองเลขาธิการสภาการศึกษา นางอำภา พรหมวาทย์ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนการศึกษา นายสุรศักดิ์ มุกประดับ ประธานอนุกรรมการสภาการศึกษาด้านเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา นางโชติกา วรรณบุรี ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาคีเครือข่ายสมัชชา สภาการศึกษาจังหวัด ผู้แทนจากองค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคการศึกษา ภาคศาสนา จำนวนกว่า 800 คน จาก 4 ภูมิภาค เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมแกรนด์คอนเวนชั่น โรงแรม ทีเค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ และถ่ายทอดสดผ่าน Facebook : สภาการศึกษา

รมว.ศธ. กล่าวในปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “Flexible Education การศึกษายืดหยุ่นตอบโจทย์ความหลากหลายของพื้นที่” ใจความสำคัญว่า กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดนโยบายสำคัญในการปฏิรูปการศึกษา เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น ทันสมัย และตอบโจทย์ความต้องการของพื้นที่ได้อย่างแท้จริง ซึ่ง Flexible Education จะเป็นกลไกสำคัญที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัยสามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา และตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนแต่ละพื้นที่ โดยลักษณะสำคัญของ Flexible Education คือ 1. ยืดหยุ่นด้านเวลา (Flexible Time) 2. ยืดหยุ่นด้านสถานที่ (Flexible Place) 3. ยืดหยุ่นด้านรูปแบบการเรียนรู้ (Flexible Learning Pathways) 4. ยืดหยุ่นด้านการวัดผล (Flexible Assessment)

ขอบคุณสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาที่ได้ดำเนินการจัดประชุมสมัชชาสภาการศึกษาระดับชาติอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 จนสามารถเป็นเวทีสำคัญในการสะท้อนเสียงของพื้นที่และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่สอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ได้อย่างแท้จริง ซึ่งมติของทางสมัชชาสภาการศึกษาในวันนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการจะนำไปดำเนินการขับเคลื่อนต่อไป

ดร.ประวิต กล่าวว่า การประชุมสมัชชาสภาการศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 3 นี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาสู่ “การเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ” ผ่านกลไกการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากความเหลื่อมล้ำในเชิงพื้นที่ ความไม่ต่อเนื่องของนโยบาย และข้อจำกัดในการเข้าถึงโอกาสการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง

สภาการศึกษาเล็งเห็นว่าการสร้างกลไกสนับสนุน “การเรียนรู้ตลอดชีวิตในทุกช่วงวัย” และ “การเรียนรู้ในบริบทจริงของแต่ละพื้นที่” คือ คำตอบสำคัญที่ต้องเร่งผลักดัน สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาในฐานะหน่วยงานระดับนโยบายมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมระบบการศึกษาแบบ “Smart + Local” ที่ทั้งชาญฉลาด ยืดหยุ่น และเข้าใจความต่างของแต่ละพื้นที่ เพราะการเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยต้องเริ่มจาก “การเข้าใจและเชื่อมั่นในพลังของพื้นที่” โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในกระบวนการจัดการศึกษาให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงและตอบโจทย์โลกอนาคต

ภายในงานมีพิธีมอบเกียรติบัตร“Flexible Education การศึกษายืดหยุ่นตอบโจทย์ความหลากหลายของพื้นที่”ให้กับสมัชชาสภาการศึกษาที่สร้างแรงบันดาลใจและเป็นต้นแบบในการดำเนินงานการศึกษาเชิงพื้นที่อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ก่อนที่ภาคีเครือข่ายจะร่วมกันแสดงสัญลักษณ์พลังความร่วมมือ

สำหรับการเปิดเวทีเสวนา Talk to Transform : พลังเล็ก เปลี่ยนเมืองใหญ่ (Small Sparks, Big Shifts) ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐและเอกชน โดย ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ กล่าวในหัวข้อ “เมืองเรียนรู้ เริ่มต้นที่การจัดการความรู้” โดยนางสาวนวรัตน์ แววพลอยงาม กล่าวในหัวข้อ “Youth Leading Urban Change : พัฒนาคน พัฒนาเมือง ด้วยใจคนรุ่นใหม่” นางสาวสุวิมล จิวาลักษณ์ กล่าวในหัวข้อ “Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอด” นายพัฒนพงษ์ สุขมะดัน กล่าวในหัวข้อ “การเรียนรู้ที่ไม่ติดกรอบ สู่โอกาสที่ไม่จำกัด” นางสาวจีรัชญ์พัฒน์ ใจเมือง กล่าวในหัวข้อ “ขับเคลื่อนท้องถิ่นก้าวสู่เมืองแห่งการเรียนรู้ไม่สิ้นสุด” และ นายกังวาน เหล่าวิโรจนกุล กล่าวในหัวข้อ “Form City to Learning City”

ในการนี้ ดร.นิติ นาชิต รองเลขาธิการสภาการศึกษา นำภาคีเครือข่ายร่วมรับรองมติสมัชชาสภาการศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 3 มติที่ 1) การสร้างการเรียนรู้เพื่อสร้างรายได้ Learn to Earn มีมติให้ทางกระทรวงศึกษาดำเนินการ เช่น สร้างหลักสูตรระยะสั้นที่สะท้อนความถนัดและความสนใจ พัฒนาช่องทาง ฐานข้อมูล หรือแพลตฟอร์มสำหรับการเรียนรู้ มติที่ 2) ระบบนิเวศการเรียนรู้ : Key Success Factors ของเมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีมติให้ดำเนินการ เช่น บูรณาการภารกิจและกำหนดให้เมืองแห่งการเรียนรู้เป็นวาระแห่งชาติ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นต้น

ในส่วนของการเสวนา Next Gen Learning : ปรับอนาคตการศึกษาด้วย AI, Literacy & Well-being โดย นายแอนเดอร์ส แฮสเล่นีลเซ่น CEO บริษัท Anders H. Soft (AI Innovation) น.สพ.ธนัฐ ศิริวรางกูร เจ้าของเพจ “คลินิกกองทุน” และ Aom Money Guru (Financial Literacy) ทพ.กฤษฎา เรืองอารีย์รัชต์ผู้เชี่ยวชาญด้าน Well-being

ทั้งนี้ การเสวนากลุ่มย่อยโดยผู้นำที่ปฏิบัติจริงในพื้นที่เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาในพื้นที่แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1) การสร้างการเรียนรู้เพื่อสร้างรายได้ Learn to Earn 2) ระบบนิเวศการเรียนรู้ : Key Success Factors ของเมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต 3) ปลดล็อกศักยภาพท้องถิ่น : กฎหมายและสมัชชาฯ เครื่องมือขับเคลื่อนการศึกษาสู่ความสำเร็จ เพื่อร่วมกันแสดงความคิดเห็น และทัศนะในการขับเคลื่อนการศึกษา เรียนรู้เพื่อก้าวสู่อนาคต

ภายในงานยังมีนิทรรศการ Learning Cities: Learn to Earn, Learn to Empower จากหน่วยงานและภาคีเครือข่ายซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมการประชุมในวันนี้ ประกอบไปด้วย สมัชชาการศึกษาสุราษฎร์ธานี และราชบุรี มูลนิธิ SCG. มูลนิธิ Starfish Education กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) TK Park หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สมาคมการศึกษาทางเลือกไทย และบริษัท วี เทค คอนซัลติ้ง จำกัด (มหาชน)

การประชุมในครั้งนี้จะช่วยสร้างภาคีเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของทุกภาคส่วน รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการดำเนินงาน นำไปสู่การจัดทำมติสมัชชาสภาการศึกษาระดับชาติและข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

พบพร ผดุงพล / กราฟิก
ประชาสัมพันธ์ สภาการศึกษา / ข่าว , ภาพ