มติ ครม.ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

มติ ครม.ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

(14 ธันวาคม 2564) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยมติคณะรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

เห็นชอบโครงการมาตรการ
ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา
ของนิสิตนักศึกษา

รมว.ศธ. กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนิสิตนักศึกษา โดยให้เพิ่มเติมกลุ่มนักศึกษาปริญญาตรี สถาบันการอาชีวศึกษา 23 แห่ง จำนวน 9,949 คน พร้อมทั้งเพิ่มกรอบวงเงินเยียวยาครอบคลุมทุกสังกัด 642 ล้านบาท รวมทั้งให้ ศธ. เร่งพัฒนาความเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลของทุกหน่วยงานที่จัดการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัย จนถึงระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และปริญญาตรีในสถาบันการอาชีวศึกษา และรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม ดังนี้

  • อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการมาตรการการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนิสิต นักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐและภาคเอกชน (โครงการมาตรการการลดภาระฯ) โดยเพิ่มเติมกลุ่มเป้าหมายนักศึกษาระดับปริญญาตรีของสถาบันการอาชีวศึกษา ทั้งหมด 23 แห่ง จำนวน 9,949 คน ภายใต้กรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 จำนวน 10,000 ล้านบาท และขยายเวลาสิ้นสุดโครงการมาตรการการลดภาระฯ จากเดิมสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นเดือนมกราคม 2565
  • มอบหมายให้ อว. และ ศธ. เร่งเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลของทุกหน่วยงานที่จัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เพื่อป้องกันการตกหล่น ความซ้ำซ้อน และความล่าช้าในการช่วยเหลือเยียวยา และเพื่อเป็นประโยชน์แก่ภาครัฐในการนำข้อมูลมาประกอบการวิเคราะห์ กำหนดนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และสนับสนุนการส่งต่อและพัฒนาผู้เรียนรายบุคคลต่อไป
  • อนุมัติให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 (โครงการให้ความช่วยเหลือฯ) ของ ศธ. ตามที่ รมว.ศธ. ได้เห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทำให้กรอบวงเงินโครงการให้ความช่วยเหลือฯ เพิ่มขึ้น 642.922 ล้านบาท จาก 23,226.4 ล้านบาท เป็น 23,869.322 ล้านบาท และมอบหมายให้กระทรวงแรงงาน (รง.) กองทัพบก [กระทรวงกลาโหม (กห.)] โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นหน่วยรับผิดชอบโครงการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม
  • มอบหมายให้หน่วยงานต้นสังกัดของกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มเติมจัดส่งข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) พิจารณาตรวจสอบความซ้ำซ้อนของนักเรียน/นักศึกษาในสถานศึกษาทั้งหมดในสังกัด ศธ. ทั้งสถานศึกษาของรัฐและสถานศึกษาเอกชน และนอกสังกัด ศธ. เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบและรัดกุม ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ให้ ศธ. เร่งพัฒนาความเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลของทุกหน่วยงานที่จัดการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และปริญญาตรีในสถาบันการอาชีวศึกษา เพื่อป้องกันการตกหล่น ความซ้ำซ้อน และภาครัฐมีข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ กำหนดนโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และสนับสนุนการพัฒนาผู้เรียนรายบุคคลต่อไป

เห็นชอบการจัดทำโครงการ
บ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง)
ของ สอศ.

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) ซึ่งดำเนินการโดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จำนวน 19 โครงการ 263 หน่วย ภายในวงเงิน 211,704,246 บาท ภายใต้แผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579)

จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560 – 2579) ซึ่งรวมถึงโครงการฯ บ้านหลวงด้วย โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นผู้ดำเนินโครงการแทนส่วนราชการที่มีความต้องการจัดทำที่อยู่อาศัยในรูปแบบรัฐสวัสดิการ

โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีหน่วยงานที่มีความพร้อมในการดำเนินการ 1 หน่วยงาน ได้แก่ ศธ. โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้เสนอขอจัดทำโครงการฯ บ้านหลวง จำนวน 19 โครงการ รวม 263 หน่วย วงเงินงบประมาณ 211.70 ล้านบาท

โครงการดังกล่าว จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย ซึ่งจะเป็นบ้านหลวงที่ได้มาตรฐาน มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม พร้อมสาธารณูปโภค สาธารณูปการที่จำเป็น ซึ่งจะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่ปฏิบัติหน้าที่ห่างไกลจากภูมิลำเนาของตน ให้ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ จากการได้รับการสนับสนุนสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัย รวมทั้งเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐในการเสริมสร้างโอกาสในการเข้าถึงสวัสดิการสังคมและที่อยู่อาศัย เป็นการลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรมในสังคม

รายละเอียดของแต่ละโครงการ

หน่วยงานเจ้าของโครงการ : ที่ตั้งโครงการ ประเภทอาคาร จำนวน (หน่วย)
1. วิทยาลัยเทคนิคเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี : ใช้ที่ดินของวิทยาลัยเทคนิคเขมราฐ อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 14
2. วิทยาลัยเทคนิควาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม : ใช้ที่ดินของวิทยาลัยเทคนิควาปีปทุม   บ้านแถวชั้นเดียว 14
3. วิทยาลัยการอาชีพบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร : ใช้ที่ดินของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 14
บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 1
4. วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต : ใช้ที่ดินที่ราชพัสดุ อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 14
5. วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี 2 จังหวัดราชบุรี : ใช้ที่ดินของรัฐภายใต้การดูแลของ ศธ. อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 14
6. วิทยาลัยการอาชีพเลิงนกทา จังหวัดยโสธร : ใช้ที่ดินของรัฐภายใต้การดูแลของ ศธ. บ้านแถวชั้นเดียว 15
7. วิทยาลัยการอาชีพประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ : ใช้ที่ดินของวิทยาลัยการอาชีพประโคนชัย อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 9
บ้านเดี่ยวชั้นเดียว 1
8. วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ : ใช้ที่ดินของวิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 32
9. วิทยาลัยเทคนิคธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี : ใช้ที่ดินของวิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 14
10. วิทยาลัยการอาชีพนาแก จังหวัดนครพนม : ใช้ที่ดินของรัฐภายใต้การดูแลของ ศธ. บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 1
11. วิทยาลัยการอาชีพกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี : ใช้ที่ดินของรัฐภายใต้การดูแลของ ศธ. บ้านแถวชั้นเดียว 10
12. วิทยาลัยสารพัดช่างมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม : ใช้ที่ดินของรัฐภายใต้การดูแลของ ศธ. อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 14
13. วิทยาลัยเทคนิคพัทยา จังหวัดชลบุรี : ใช้ที่ดินของวัด อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 14
14. วิทยาลัยการอาชีพแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ : ใช้ที่ดินของรัฐภายใต้การดูแลของ ศธ. อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 14
15. วิทยาลัยเทคนิคลำพูน จังหวัดลำพูน: ใช้ที่ ดินของวิทยาลัยเทคนิคลำพูน อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 14
16. วิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว : ใช้ที่ดินของวิทยาลัยเทคนิคสระแก้ว อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 14
17. วิทยาลัยการอาชีพโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด : ใช้ที่ดินของวิทยาลัยการอาชีพโพนทอง อาคารชุดพักอาศัยสูง 4 ชั้น 14
18. วิทยาลัยการอาชีพพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม : ใช้ที่ดินของวิทยาลัยการอาชีพพยัคฆภูมิพิสัย บ้านแถวชั้นเดียว 6
19. วิทยาลัยเทคนิคกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ : ใช้ที่ดินของวิทยาลัยเทคนิคกันทรารมย์ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 20
รวม 19 โครงการ 263 หน่วย

ทั้งนี้ มีแผนการก่อสร้างโครงการ 3 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

 width=
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ