12 สัญญาณและวิธีรับมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รู้ไว้ไม่ตกเป็นเหยื่อ!
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” กลายเป็นภัยร้ายใกล้ตัวที่สร้างความเสียหายมหาศาลในสังคมไทย หลายคนต้องสูญเสียเงินเก็บทั้งชีวิตไปกับกลลวงที่แนบเนียนและน่ากลัวขึ้นทุกวัน แต่การป้องกันตัวเองอาจไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากเรารู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพเหล่านี้
บทความนี้ได้รวบรวม 12 สัญญาณเตือนและวิธีรับมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ล่าสุดจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท. หรือ CCIB) ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ทุกคนควรรู้และบอกต่อ เพื่อสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งให้ตัวเองและคนที่คุณรักให้ปลอดภัยจากโลกไซเบอร์
1.ไม่รู้จัก ไม่ต้องรับ : อย่าหลงกลเบอร์แปลก
มิจฉาชีพมักใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า “ซิมบ็อกซ์” (Sim Box) เพื่อโทรเข้ามาหลอกลวง ทำให้เบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏบนหน้าจอของเราไม่ใช่เบอร์จริง ดังนั้น การไม่รับสายจากเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย หรือเบอร์ที่ขึ้นต้นด้วยรหัสแปลกๆ จึงเป็นด่านป้องกันแรกที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดในการตัดโอกาสที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงตัวเราได้
2.ห้ามกดลิ้งก์ : ประตู่สู่แอปฯ ปลอม
หนึ่งในกลยุทธ์ยอดนิยมคือการส่งข้อความสั้น (SMS) หรือข้อความผ่านช่องทางออนไลน์อื่นๆ พร้อมแนบลิ้งก์มาด้วย การกดลิ้งก์เหล่านี้มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะมันอาจนำไปสู่การติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม หรือ “แอปฯ ดูดเงิน” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว รหัสผ่าน หรือแม้กระทั่งควบคุมโทรศัพท์ของคุณจากระยะไกลได้
3.อย่าเชื่อโพรไฟล์สวยหรู : กลลวงชวนทำงานหรือลงทุน
ในโลกโซเชียลมีเดีย มิจฉาชีพมักสร้างโปรไฟล์ปลอมที่ดูดี มีฐานะ หรือน่าเชื่อถือ เพื่อเข้ามาตีสนิทและหลอกลวงให้ร่วมลงทุนในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง หรือเสนองานออนไลน์ที่ทำง่ายแต่รายได้ดี ก่อนตัดสินใจลงทุนหรือร่วมงานกับใคร ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบุคคลหรือบริษัทนั้นๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนเสมอ
4.ตรวจสอบก่อนโอน : เช็กให้ชัวร์ก่อนเงินจะหาย
ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในการโอนเงินอาจหมายถึงการสูญเสียเงินทั้งหมด ก่อนกดยืนยันการโอนทุกครั้ง ควรตรวจสอบชื่อบัญชีและเลขบัญชีของผู้รับให้ถูกต้องและตรงกัน มิจฉาชีพมักใช้จิตวิทยาเร่งรัดให้เหยื่อรีบร้อนและตื่นตระหนกจนไม่มีเวลาตรวจสอบ การตั้งสติและทวนข้อมูลให้รอบคอบจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
5.อย่ากลัวเจ้าหน้าที่ปลอม : ตำรวจจริงไม่โทรมาขู่เอาเงิน
กลอุบายคลาสสิกที่ยังใช้ได้ผลคือการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ DSI หรือเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐต่างๆ แล้วข่มขู่ว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีร้ายแรงเพื่อบีบให้โอนเงินมาตรวจสอบ หากเจอสถานการณ์เช่นนี้ ให้จำไว้เสมอว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐตัวจริงจะไม่มีการโทรศัพท์มาข่มขู่หรือสั่งให้โอนเงินเด็ดขาด วิธีรับมือที่ดีที่สุดคือวางสาย แล้วติดต่อกลับไปยังหน่วยงานที่ถูกอ้างถึงโดยตรงเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
6.ไม่โอนให้คนแปลกหน้า : ระวังภัยจาก Romance Scam
“โรแมนซ์สแกม” (Romance Scam) คือการหลอกลวงโดยใช้ความรักเป็นเครื่องมือ มิจฉาชีพจะสร้างความสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้เหยื่อหลงรักและไว้วางใจ จากนั้นจึงเริ่มกุเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมาเพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงิน พึงระลึกไว้เสมอว่าความสัมพันธ์ที่ดีไม่ควรเริ่มต้นด้วยการร้องขอเรื่องเงิน
7.ระวังแบล็กเมล : อย่าเผยแพร่ภาพส่วนตัวกับคนแปลกหน้า
การส่งภาพถ่ายหรือวิดีโอส่วนตัวที่อาจเป็นความลับให้กับบุคคลที่เพิ่งรู้จักผ่านโลกออนไลน์เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะมิจฉาชีพอาจนำภาพเหล่านั้นมาใช้แบล็กเมล์เพื่อขู่กรรโชกทรัพย์สิน หรือนำไปเผยแพร่เพื่อสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของคุณได้
8.ห้ามขายบัญชี : ไม่เปิดบัญชีม้าให้มิจฉาชีพ
การขาย ให้ยืม หรือเปิดบัญชีธนาคารแทนผู้อื่น หรือที่เรียกกันว่า “บัญชีม้า” ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง เพราะคุณกำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการฟอกเงินและอาชญากรรม ซึ่งมีโทษตามกฎหมายคือจำคุกสูงสุดถึง 3 ปี อย่าเห็นแก่เงินเพียงเล็กน้อยแล้วนำอนาคตของตัวเองไปเสี่ยง
9.ระวังหลอกไปทำงานต่างประเทศ : อาจกลายเป็นเหยื่อค้ามนุษย์
ข้อเสนอไปทำงานในต่างประเทศที่ดูดีเกินจริงอาจเป็นกับดักของขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งจะบังคับให้คุณไปทำงานผิดกฎหมาย เช่น เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เสียเอง ก่อนตัดสินใจ ควรตรวจสอบข้อมูลของบริษัทจัดหางานกับกรมการจัดหางานให้แน่ใจว่าได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง
10.ปิดรับข้อความแปลก : ทริคง่ายๆ ด้วยการตั้งค่าโทรศัพท์
สำหรับโทรศัพท์บางรุ่น คุณสามารถลดความเสี่ยงจากการรับ SMS ที่มีลิ้งก์อันตรายได้ด้วยเทคนิคง่ายๆ คือการตั้งค่าการใช้งานสัญญาณโทรศัพท์ให้เป็น 2G ซึ่งจะช่วยปิดกั้นการรับข้อความแปลกๆ บางประเภทได้ ถือเป็นวิธีป้องกันเชิงเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกระดับ
11.เปิดโหมดบล็อกดาวน์ : เพิ่มความปลอดภัยให้โทรศัพท์
สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ มักมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า “โหมดล็อกดาวน์” (Lockdown Mode) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานให้สูงสุด โดยจะจำกัดการทำงานบางอย่างของโทรศัพท์เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ลองศึกษาและเปิดใช้งานฟังก์ชันนี้เพื่อเสริมเกราะป้องกันให้กับอุปกรณ์ของคุณ
12.แจ้งความออนไลน์ 1441 : เมื่อตกเป็นเหยื่อต้องทำอย่างไร
หากคุณพลาดท่าตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ “ตั้งสติและรวบรวมหลักฐาน” ทั้งหมด แล้วติดต่อสายด่วนของตำรวจไซเบอร์ที่เบอร์ 1441 ซึ่งพร้อมให้คำปรึกษาและรับแจ้งความออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง และโปรดจำไว้ว่า “หน่วยงานรัฐไม่มีนโยบายคืนเงินผ่านแอปพลิเคชัน LINE” เพื่อป้องกันการถูกหลอกซ้ำซ้อนจากมิจฉาชีพที่อาจสวมรอยเข้ามา
