เสียงสะท้อนถึง กยศ. โปรด…ปฏิวัติ Call Center
นอกจากประเด็นฮอตฮิตข่าวบ้านข่าวเมืองในช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ ที่มีให้ตื่นเต้นเป็นระยะ ๆ ก็มีข่าวนี้นี่แหละ ที่ทำให้คนร้อน ๆ หนาว ๆ ทั้งประเทศ ข่าวที่ว่า “ไม่จ่ายหนี้ กยศ. 5 ก.ค.นี้ เจอดอกเบี้ยปรับ 18%” ซึ่งเป็นประกาศของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ที่ประกาศไว้ สำหรับผู้ที่ไม่ชำระเงินคืนเกินระยะเวลา 3 ปี หากไม่มาชำระภายใน 5 ก.ค. 59 นี้ จะโดนดอกเบี้ยปรับอีกมหึมาราว 1.5% ต่อเดือน หรือ 18% ต่อปี เรียกได้ว่าขวัญผวาเลยทีเดียวสำหรับผู้ค้างชำระมายาวนาน
แม้ดิฉันจะไม่ได้เป็นลูกหนี้ กยศ. แต่ก็ต้องเสียวสันหลังไม่น้อย เพราะเหมือนได้รับมรดกจากบุคคลในครอบครัวให้ปิดหนี้ กยศ.ให้ เล่นเอาหน้ามืดตึง และคิดว่าทางเดียวที่จะลดหนี้ กยศ. โดยไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยต่าง ๆ นานา คือปิดหนี้ให้จบซะรวดเดียวไปเลย แต่วิธีเดียวที่ธนาคารกรุงไทยแนะนำคือ ติดต่อ Call Center ของ กยศ.โดยตรงก่อน เพื่อขอลดดอกเบี้ยปรับต่าง ๆ นานา
ดูแล้วก็เหมือนเรื่องง่าย ๆ ก็เลยรับอาสาโทร.ให้ เพื่อจะได้รู้ข้อมูลทางการเงินต่าง ๆ ทางอ้อมไปด้วย เอาเลยค่ะ… ดิฉันโทร.หา กยศ. ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 59 เพื่อขอทราบยอดหนี้ทั้งหมด จนกระทั่งถึงวันที่ 5 ก.ค. เฮ้ยยย !!! ติดต่อไม่ได้ จำความได้ว่าโทร.หา Call Center กยศ. ไม่ต่ำกว่าวันละ 30 ครั้ง ไม่ติด ตู๊ด ๆ ๆ ๆ …ตลอด จนวันที่ 4 ก.ค. (คือโทร.หากรุงไทยแล้ว แต่เขาแนะนำให้โทร.หา Call Center กยศ.โดยตรง เพราะมียอดค้างชำระบางงวด ทำให้ไม่หมูอย่างที่คิด แถมไม่มีเวลาไปแบงก์)
คนไม่เคยชำระหนี้ กยศ. บอกตรง ๆ นั่งหลับตายไปก่อนเลย 2-3 วัน กว่าจะได้คุยกับ Call Center ที่พีคกว่านั้นคือ โทร.ติดวันที่ 4 ก.ค. แล้วจะโอนสายไปคุยกับเจ้าหน้าที่ พระเจ้า !!! รอไปสิ 19-20 นาที ฟังเพลงรอสายกันเพลินเลยค่ะ เพราะพนักงานไม่ว่างรับสาย เนื่องจากลูกหนี้ กยศ.คงแห่โทร.เข้ามาจนล้นสายโทรศัพท์แทบไหม้
ทนไม่ไหว สุดท้าย วางสายจ้ะ !!! ไม่โทร.มันละ กยศ.เนี้ย ติดต่อยากเหลือเกิน แล้วทีนี้ทำไงล่ะ แทนที่จะได้คุยเพื่อเจรจาปิดหนี้ต่าง ๆ นึกพานบ่นกับตัวเองเบา ๆ เดี๋ยวก็ไม่จ่ายเงินให้เลย !!! อิฉันว่าคงมีบ้างแหละ ที่ต้องเสียอารมณ์และพานไม่จ่ายหนี้ กยศ.ในวันครบกำหนด (คิดเองนะ)
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะคะ และถือเป็นวิกฤตของคนที่ต้องติดต่อผ่าน Call Center ไม่ใช่แค่ Call Center ของ กยศ.อย่างเดียวนะ ที่ต้องแก้อย่างแรง แม้กระทั่งแบงก์เอง บางทีเวลามีเรื่องร้อนใจ เอทีเอ็มโดนยึด เงินหาย ก็ให้โทร.หา Call Center รับเรื่องไว้ก่อนด้วยซ้ำ กลายเป็นว่าเรื่องราวง่าย ๆ ก็ทำให้ซับซ้อนขึ้นมากมาย
บทเรียนนี้ทำให้นั่งคิดว่า ประเทศไทยของเราหากจะพัฒนาระบบชำระเงินให้ทันสมัยในอนาคตแล้ว ระบบที่ควรเปลี่ยนและแก้ไขให้ดี คือระบบ Call Center นี่แหละ ที่ต้องพร้อม เพราะบางที Call Center ก็งงซะเอง เวลาขอข้อมูลอะไรไป ก็ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด หรือไขว้เขวไปเลย นั่นแหละค่ะที่จะฝากไว้ คือ หน่วยงานต่าง ๆ ต้องคัดกรองคนมีคุณภาพขึ้นมาทำหน้าที่นี้อย่างจริงจังบ้าง เพราะปัญหาของคนเรามีจุกจิกให้เวียนหัวได้ตลอด
ที่มา: www.prachachat.net