เทคนิค"ไมโครเอนแคบซูเลชัน" ช่วยยืดอายุสมุนไพรอบตัว

 

รูปภาพประกอบข่าว

สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฯ วิจัยพัฒนา ผงสมุนไพรอบตัว โดยใช้วิธี ‘ไมโครเอนแคบซูเลชัน’ เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้าจากการทำงานได้ดี…  

การนำสมุนไพรไทยหลากหลายชนิดมาผสม อาบ และอบ ให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการทำงาน หรือที่โบราณใช้สำหรับสตรีหลังคลอด อย่างที่หลายคนรู้จักว่า “สปา” นั้น ทั่วโลกให้การยอมรับ “ศาสตร์” ด้านนี้จากฝีมือคนไทยมาก  

ปัจจุบันหนุ่ม-สาวไทยหลายคนที่ “โกอินเตอร์” ทำธุรกิจนี้ กลายเป็นเศรษฐีแล้วก็หลายราย ทว่าในการสั่งวัตถุดิบเข้าไปใช้บางคราวมักเกิด ปัญหายุ่งยากจุกจิกกวนใจ อีกทั้งกลุ่มผู้บริโภคบางรายไม่ค่อยมีเวลาเข้าตู้ “อบ” ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จึงวิจัยพัฒนา “ผงสมุนไพรอบตัว” ผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อผู้รักสุขภาพและความงาม 

นายอนันต์ รุ่งพรทวีวัฒน์ รองผู้ว่าการกลุ่มพัฒนาธุรกิจและการตลาด วว. บอกว่า…การอบตัวด้วยสมุนไพร เป็นภูมิปัญญาไทยในสมัยก่อน ซึ่งกรรมวิธีอาจใช้การต้มสมุนไพรในกระโจม ที่ต่อมาพัฒนาเป็นการอบในตู้อบไอน้ำ โดยวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้ ก็คือสมุนไพรสดหรือแห้งหลายชนิด ที่นอกจากต้องเสียเวลายังไม่สามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน 

ฉะนี้…นางศิรินันท์ ทับทิมเทศ นักวิชาการประจำฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว.จึงคิดค้นวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร อาทิ ไพล ขมิ้น มะกรูด ตะไคร้ พิมเสน การบูร ที่ใช้อบ โดยใช้กรรมวิธีการ “สกัด” และใช้เทคนิค “ไมโครเอนแคบซูเลชัน” (Microencapsulation) ให้อยู่ในรูปแบบของ “ผง” สำหรับกักเก็บสาระสำคัญที่มีลักษณะเป็นของเหลวให้อยู่ในรูป “ผงแห้ง” 

ไมโครเอนแคบซูเลชัน เป็นกรรมวิธีหนึ่งที่นอกจากจะช่วยกักเก็บสารสำคัญไม่ให้ระเหยออกไป เป็นการเพิ่มระยะเวลาการปลดปล่อยของสารสำคัญออกสู่ภายนอก อีกทั้งช่วยยืดอายุการเก็บรักษา โดยที่ประสิทธิภาพของสมุนไพรยังคงอยู่อย่างครบครัน… 

นางศิรินันท์ บอกว่า ขั้นตอนการวิจัยยังคงยึดรูปแบบภูมิปัญญาไทย เพื่อให้ผงอบยังคงคล้ายกับสูตรเดิม เพียงแต่ปรับเพิ่มสัดส่วนที่ใช้ให้ลงตัวมากขึ้น โดยการวิจัยเริ่มจากนำไพล ขมิ้น ตะไคร้ ผิวมะกรูด ฯลฯ ในอัตราส่วนที่ทีมวิจัยคิดไว้อย่างเหมาะสมนำมาสกัดกระทั่งได้ “น้ำมันหอมระเหย” และเพื่อให้สะดวกใช้ จึงใช้เทคนิคไมโครเอนแคบซูเลชัน เข้ามาช่วยในขบวนการกระทั่งออกมาเป็นผง 

ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ได้ เวลาจะใช้ก็เพียงแต่นำผงใส่ในหม้อต้มและเข้าไปอบ นอกจากรูปแบบที่สะดวกพร้อมใช้ คุณสมบัติของน้ำมันหอมระเหยยังทำหน้าที่ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายได้เร็วมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการ ยืดอายุสมุนไพรให้สามารถเก็บรักษาได้นานเพิ่มขึ้นอีก 2 ปี 

ส่วนทางด้านความปลอดภัย ทีมวิจัยได้ทำการ ศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา ของน้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากสมุนไพรรวม ได้ผลว่า มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดการบวม ของหูหนูขาวได้อย่างดี และ มีประสิทธิภาพในการผ่อน คลายกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ยังทดสอบความเป็นพิษได้แก่ ความเป็นพิษเฉียบพลันทางผิวหนัง ความเป็นพิษเฉียบพลัน ทางปาก ความเป็นพิษเฉียบพลันทางการสูดดม และการก่อความระคายเคืองในหนูขาว ซึ่งผลที่ได้พบว่า มีความปลอดภัยต่อการนำไปใช้ 

สำหรับผู้ประกอบการรายใดที่สนใจจะนำไปผลิตในเชิงพาณิชย์ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร.0-2577-9000 ต่อ 9106 ในวันและเวลาราชการ และที่ www.tistr.or.th E-mail : tistr@tistr.or.th

เพ็ญพิชญา เตียว

แหล่งที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ