เตือนภัย! Virtual Kidnapping เมื่อรูปถ่ายในโซเชียลของคุณกลายเป็นอาวุธเรียกค่าไถ่

เตือนภัย! Virtual Kidnapping
เมื่อรูปถ่ายในโซเชียลของคุณกลายเป็นอาวุธเรียกค่าไถ่

          ในยุคดิจิทัลที่ภาพถ่ายและเรื่องราวส่วนตัวถูกแชร์อย่างง่ายดายบนโซเชียลมีเดีย เราอาจไม่เคยคาดคิดว่าข้อมูลเหล่านั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ในรูปแบบที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด FBI ได้ออกมาเตือนถึงภัยไซเบอร์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Virtual Kidnapping” หรือ “การลักพาตัวเสมือนจริง” ซึ่งมิจฉาชีพไม่ได้ใช้เพียงภาพถ่ายธรรมดาๆ ของเราเท่านั้น แต่ยังใช้เทคนิคหลอกลวงที่ซับซ้อน ทั้งการปลอมแปลงเสียง การใช้เบอร์โทรศัพท์ปลอม หรือแม้กระทั่งเสียงกรีดร้องที่จัดฉากขึ้น เพื่อสร้างสถานการณ์ปลอมที่บีบคั้นหัวใจและเรียกค่าไถ่จากคนที่คุณรัก แล้วเราจะป้องกันตัวเองและคนในครอบครัวจากภัยเงียบที่น่าหวาดหวั่นนี้ได้อย่างไร?

อาวุธชิ้นใหม่ของมิจฉาชีพ AI เปลี่ยนภาพถ่ายของคุณให้เป็นภาพตัวประกัน

กลโกงรูปแบบใหม่นี้เริ่มต้นจากสิ่งที่ดูไม่มีพิษมีภัยที่สุด นั่นคือข้อมูลและรูปภาพที่เราโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย มิจฉาชีพจะรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ไปเป็นวัตถุดิบ และใช้เครื่องมือหลากหลายเพื่อสร้างสถานการณ์ที่สมจริง ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตัดต่อรูปภาพธรรมดาให้กลายเป็น “ภาพตัวประกันที่สมจริงจนน่าขนลุก” หรือใช้เทคนิคปลอมแปลงเสียงและเบอร์โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต ควบคู่ไปกับการจัดฉากเสียงกรีดร้องเพื่อให้เหยื่อเชื่อว่าคนในครอบครัวตกอยู่ในอันตรายจริงๆ

เป้าหมายสูงสุดของอาชญากรคือการใช้ “อาวุธ” เหล่านี้โจมตีสภาพจิตใจของเหยื่อโดยตรง เพื่อสร้างภาวะตื่นตระหนก (Panic) และสภาวะสติหลุดขั้นรุนแรง จุดประสงค์คือการทำลายกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล และบีบให้เหยื่อรีบโอนเงินค่าไถ่ไปให้โดยขาดการไตร่ตรองและตรวจสอบข้อเท็จจริง

ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือเกมจิตวิทยาที่เล่นกับ “ความกลัว”

หัวใจของกลโกง Virtual Kidnapping ไม่ได้อยู่ที่ความล้ำหน้าของเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการโจมตีจุดอ่อนทางจิตใจของมนุษย์ มิจฉาชีพจะสร้างสถานการณ์ที่บีบคั้นและกดดันอย่างหนัก ทำให้เหยื่อมีเวลาในการตัดสินใจที่จำกัด เพื่อป้องกันไม่ให้มีโอกาสตรวจสอบข้อมูลได้ทัน

ตั้งสติรับมือ 4 ขั้นตอนสำคัญเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการลักพาตัวเสมือนจริง

หากคุณหรือคนใกล้ชิดตกอยู่ในสถานการณ์นี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการตั้งสติ และปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

1.พยายามติดต่อผู้ถูกกล่าวอ้างทันที : นี่คือขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุด รีบ ติดต่อ บุคคลที่ถูกอ้างว่าโดนลักพาตัวให้เร็วที่สุด ผ่านทุกช่องทางที่เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์, ส่ง SMS, หรือติดต่อผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อยืนยันความปลอดภัยของพวกเขาให้ได้

2.อย่าเพิ่งโอนเงินเด็ดขาด : หลังจากพยายามติดต่อแล้ว ไม่ว่าจะถูกกดดันแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่ต้องทำคือ ตั้งสติ และห้ามโอนเงินไปก่อนเด็ดขาด

3.ตรวจสอบหลักฐาน : ตรวจสอบ ภาพหรือวิดีโอที่มิจฉาชีพส่งมาอย่างละเอียด มองหาสิ่งผิดปกติ เช่น พื้นหลังของภาพมีการบิดเบี้ยว หรือลักษณะใบหน้าและท่าทางดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นสัญญาณของการใช้ AI ตัดต่อ

4.รวบรวมหลักฐานและแจ้งความ : ถ่ายภาพหน้าจอ (Screenshot) ข้อความแชท, รูปภาพ, เบอร์โทรศัพท์เข้า และหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แล้วติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เบอร์ 191 หรือสายด่วนตำรวจไซเบอร์ 1441 โดยทันที

เกราะป้องกันล่วงหน้าสร้าง “Safe Word” ในครอบครัว

หนึ่งในวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือการสร้าง “Safe Word” หรือรหัสผ่านลับที่รู้กันเฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น คำหรือวลีลับนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือยืนยันตัวตนหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นจริง หากมีใครติดต่อมาอ้างว่าคนในครอบครัวตกอยู่ในอันตราย คุณสามารถใช้ Safe Word นี้เพื่อตรวจสอบได้ทันทีว่าสถานการณ์นั้นเป็นเรื่องจริงหรือเป็นฝีมือของมิจฉาชีพ

“สติ” คืออาวุธที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับความกลัว

          แม้เทคโนโลยีของมิจฉาชีพจะดูน่ากลัวและสร้างภาพลวงตาได้สมจริงเพียงใด แต่จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาก็คือเวลา เพราะกลโกงนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเหยื่อตกอยู่ในความกลัวจนขาดสติและรีบตัดสินใจ ดังนั้น อาวุธที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับภัยคุกคามรูปแบบนี้คือ “สติ” และการใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ

 

ขอบคุณวิดีโอจาก : ตำรวจไซเบอร์