ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี มอบเข็มเชิดชูเกียรติ ๑๒ ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๙ ของ สกศ.
วันนี้ (๒๕ กันยายน ๒๕๖๑) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) จัดโครงการขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙ : ยกย่องเชิดชูเกียรติครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๙ และชุมชนเพื่อการเรียนรู้ ได้รับเกียรติจาก หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติและเกียรติบัตรแก่ครูภูมิปัญญาไทย จำนวน ๑๒ ท่านและมอบโล่ชุมชนเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต จำนวน ๓ รางวัล โดย ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา พร้อมคณะผู้บริหาร สกศ. ให้การต้อนรับ ที่โรงแรม เบสต์เวสเทิร์นแวนดาแกรนด์ จังหวัดนนทบุรี
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ “ครูภูมิปัญญาไทยกับการอนุรักษ์สืบสาน” ความสำคัญตอนหนึ่งว่า ภูมิปัญญาไทยและเอกลักษณ์ไทยเป็นการรักษาคุณงามความดี และถ่ายทอดจากคนรุ่นเก่าสู่รุ่นใหม่ เป็นการเลียนแบบธรรมชาติคืนชีวิตสู่ความเป็นปกติธรรมดาของชีวิต อย่างไรก็ดี ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยนั้น สิ่งที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมาแต่อดีตย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงองค์ความรู้ไปสู่สิ่งใหม่ได้ไม่จำเป็นต้องยึดกับสิ่งเก่า ๆ แต่สมควรค้นคว้า ต่อยอด แสวงหารูปแบบการเรียนรู้เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ได้อยู่เสมอ เพราะไม่มีสิ่งใดอยู่ค้ำฟ้าหรือเป็นนิรันดร์ ภูมิปัญญา มีความหมายถึงความสามารถในการคิด และการกระทำโดยใช้ความรู้ ความคิด ความเชื่อ ประสบการณ์ ความเข้าใจ ศักยภาพความสามารถของมนุษย์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ทรงมุ่งมั่นสืบสานพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ ๙ เพื่อพัฒนาภูมิปัญญาให้เกิดอย่างต่อเนื่องจากในท้องถิ่นต่อยอดสู่อำเภอ จังหวัดและระดับประเทศ ซึ่งต้องเชื่อมั่นในคุณงามความดีของแผ่นดิน “ขอฝากครูภูมิปัญญาไทยช่วยกันรักษามรดกวัฒนธรรม ช่วยกันอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงามและสร้างสรรค์ ช่วยกันดำรงรักษาสิ่งดีงาม เช่น ภาษาท้องถิ่น ต้องรักษาและประสานกับหลักคิดรู้รัก สามัคคี รู้ เข้าใจ รัก เข้าถึง สามัคคีสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามศาสตร์พระราชาในหลวงรัชกาลที่ ๙ สืบสานสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม” หม่อมหลวงปนัดดา กล่าว ด้าน ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า สกศ. การดำเนินกิจกรรมสรรหาและคัดเลือกครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๙ ถือเป็นการดำเนินการอย่างสอดคล้องกับการขับเคลื่อนเป็นการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙ ตามยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่มีเป้าหมายการสร้างแหล่งเรียนรู้ สื่อตำราเรียน นวัตกรรมและสื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพและมาตรฐาน และประชาชนสามารถเข้าถึงได้ โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ กล่าวว่า ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๙ จำนวน ๑๒ ท่านมาจาก ๑๑ จังหวัด ใน ๔ ภูมิภาค เป็นครูภูมิปัญญาภาคเหนือ ๓ คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๖ คน ภาคกลางและภาคตะวันออก ๒ คนและภาคใต้ ๑ คน ซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญในการธำรงรักษาและสืบทอดองค์ความรู้ภูมิปัญญาไทย เป็นมรดกที่ทรงคุณค่าของชาติสร้างความภาคภูมิใจในรากเหง้าความเป็นไทยส่งมอบสู่คนรุ่นต่อไป ซึ่งการมอบเครื่องหมาย
เชิดชูเกียรติครั้งนี้ เป็นการเผยแพร่แบบอย่างที่ดีของการขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติ ระยะ ๒๐ ปี สู่การปฏิบัติในด้านการพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม สำหรับครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๙ ที่ได้รับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติทั้ง ๑๒ ท่าน ประกอบด้วย ๑) นายจันทร์ ชาญแท้ ด้านเกษตรกรรม ๒) นางพิมพา มุ่งงาม ด้านเกษตรกรรม ๓) นางรุจาภา เนียนไธสง ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม ๔) นางสมสมัย เขาหิน ด้านอุตสาหกรรมและหัตถกรรม ๕) นายทองสา เจริญตา ด้านการแพทย์แผนไทย ๖) นายมงคลชัย เสเล ด้านการแพทย์แผนไทย ๗) นายเอียะ สายกระสุน ด้านการแพทย์แผนไทย ๘) นายอภิวิชญ์ นวลแก้ว ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๙) นายวิเชียร ผลเจริญ ด้านกองทุนและธุรกิจชุมชน ๑๐) นางธนพร อินทร์ธิราช ด้านศิลปกรรม ๑๑) นายธนวัฒน์ ราชวัง ด้านศิลปกรรม และ ๑๒) นางสาวลำดวน สุวรรณภูคำ ด้านศิลปกรรม ส่วนผู้แทนเข้ารับโล่ชุมชนเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นชุมชนที่มีกระบวนการทางสังคมที่เกื้อหนุนให้เกิดการเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาและการนำความรู้มาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาชุมชนอย่างมีส่วนร่วม และสามารถนำไปพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ ได้แก่ ๑) ชุมชนบ้านบุโบย ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล ๒) ชุมชนบ้านสำโรง ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ และ ๓) ชุมชนตำบลหนองสาหร่าย อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ทั้งนี้ สกศ. ได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติครูภูมิปัญญาไทยแล้ว ๘ รุ่น จำนวนทั้งสิ้น ๔๙๑ คน ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศใน ๙ ด้านเพื่อการศึกษาและอาชีพ ได้แก่ ๑.ด้านเกษตรกรรม ๒.อุตสาหกรรมและหัตถกรรม ๓.การแพทย์แผนไทย ๔.การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๕.กองทุนและธุรกิจชุมชน ๖.ศิลปกรรม ๗.ภาษาและวรรณกรรม ๘.ปรัชญา ศาสนา และประเพณี สุดท้ายคือ ๙.ด้านโภชนาการ
ที่มา:ประชาสัมพันธ์ สกศ.