วิจัยโอสถสารจากบัวหลวง สรรพคุณลดความดันโลหิตสูง

วิจัยโอสถสารจากบัวหลวง สรรพคุณลดความดันโลหิตสูง

 

          ใบบัวหลวงสกัดแห้ง
          จากสภาพวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมยุคนี้ที่ต้องเร่งรีบแข่งขัน จนในบางครั้งไม่มีเวลาที่จะหันมาใส่ใจในเรื่องอาหารและออกกำลังกาย ทำให้หลายคนมีภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ทั้ง หัวใจ เบาหวาน รวมทั้ง “ความดันโลหิตสูง” กันได้ง่าย ซึ่งแต่ละปีรัฐต้องสูญเสียงบในการสั่งนำเข้ายาเพื่อมาใช้ในการบรรเทารักษา…
          ฉะนี้…เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ผศ.ดร.เพชรรัตน์ ตรงต่อศักดิ์ จากคณะสหเวชศาสตร์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยบูรพา ได้ “สกัดบัวหลวงเพื่อใช้ลดความดันโลหิตสูง” ขึ้น
          ผศ.ดร.เพชรรัตน์ ตรงต่อศักดิ์ผศ.ดร.เพชรรัตน์ เปิดเผยว่า…บัวหลวงเป็นไม้น้ำที่พบทั่วทุกภาคของประเทศไทย จากการศึกษาข้อมูลพบว่า แม้ในอดีตการแพทย์แผนไทยจะมีการนำไปต้มดื่มเพื่อลดความดันโลหิต แต่ทว่ายังไม่มีที่ใดศึกษาเพื่อยืนยันว่า ในพรรณไม้น้ำดังกล่าวสามารถนำไปใช้เพื่อช่วยในการลดความดันโลหิตได้มากน้อยเพียงใด ดังนั้นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับพืชสมุนไพรไทย และเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าว ทีมวิจัยจึงได้หันมาทำการศึกษา…
          สำหรับขั้นตอนการสกัด เริ่มจากนำใบบัวหลวงสดมาล้างและผึ่งแดดให้แห้ง จากนั้นตัดเป็นชิ้นให้มีขนาดประมาณ 1 นิ้ว นำใบบัวหลวงที่หั่นแล้วไปอบด้วยเครื่อง hot air oven ที่อุณหภูมิ 60  C เป็นเวลา 3 ชม. นำใบบัวหลวงแห้ง 50 กรัม ต้มกับ ethanol 5% ปริมาณ 200 มล. นาน 10 นาที กรองน้ำต้มด้วยกระดาษกรอง แล้วนำไปทำระเหยด้วยเครื่อง rotary evaporator ที่อุณหภูมิ 37  C เพื่อทำให้เข้มข้น เสร็จแล้วใส่ภาชนะนำไปแช่แข็งที่อุณหภูมิ -80  C เป็นเวลา 4 ชม.
          บัวหลวง…แล้วนำไปทำให้แห้งด้วยเครื่อง freeze dryer ขบวนการดังกล่าวจะได้สารสกัดใบบัวหลวงลักษณะเป็นผลสีน้ำตาล ซึ่งประมาณ 19.87 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักใบแห้ง นำสารสกัดที่ได้ไปทดสอบในหนูที่เหนี่ยวนำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง โดยให้สารฯทุกวันในปริมาณที่ทีมวิจัยคิดค้นอย่างสม่ำเสมอ กระทั่งพบว่าในช่วงสัปดาห์ที่ 3 สารสกัดดังกล่าวสามารถช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ในกลุ่มที่ได้สารสกัดขนาด 400/ug/kg/d และลดได้ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ในกลุ่มที่ได้สารสกัด 800/ug/kg/d
          ผลการศึกษายังพบว่า สารสกัดใบบัวหลวงสามารถถูกยับยั้งด้วย L-NAME (10 uM) ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ที่ควบคุมการสังเคราะห์ nitric oxide (NO) และพบว่าฤทธิ์ขยายหลอดเลือดยังถูกยับยั้งด้วย methylene blue (1 uM) ซึ่งเป็นสารที่ยับยั้งเอนไซม์ guanylyl cyclase ในเส้นทางการส่งผ่านสัญญาณการออกฤทธิ์ของ NO ซึ่งผลการทดลองนี้สนับสนุนซึ่งกันและกัน
          จากผลที่ได้นี้เองจึงสามารถกล่าวได้ว่า สารสกัดใบบัวหลวง สามารถนำไปใช้เพื่อช่วยลดการตึงของหลอดเลือด ช่วยให้ความดันโลหิตลดลงได้อีกทางหนึ่ง.
          เพ็ญพิชญา เตียว

          ที่มา: http://www.thairath.co.th