ร้านเหล้ารอบสถานศึกษา

อาคารรัฐสภา ห้อง ๒๐๙ – เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ นายธีรภัทร คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และนักเรียนนักศึกษาจากเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์รู้ทันแอลกอฮอล์ จำนวน ๓๐ คน เข้าพบนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อยื่นข้อเสนอเรียกร้องให้เร่งผลักดันมาตรการควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีผลบังคับใช้


ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้มีร้านเหล้า ผับ บาร์รอบสถานศึกษาจำนวนมากทั้งที่มีใบอนุญาตและไม่มีใบอนุญาต จึงทำให้การเข้าถึงง่าย และผู้ขายส่วนใหญ่ขายให้เด็กอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี ทั้งที่เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ส่งผลให้เยาวชนกลายเป็นนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มถึง ๒๖,๐๐๐ รายต่อปี นอกจากนี้เด็กและเยาวชนที่ก่อคดีจนต้องอยู่ในสถานพินิจฯ มีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพบกว่า ๖๐% ดื่มสุราก่อนก่อเหตุ สอดคล้องกับการที่เครือข่ายฯ ได้สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และร้านเหล้ารอบสถานศึกษาจาก ๕ พื้นที่ ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ระหว่างวันที่ ๒๐-๓๑ ตุลาคมที่ผ่านมา จำนวน ๑,๗๐๓ ราย อายุ ๑๕-๒๕ ปี พบว่ากลุ่มตัวอย่างทั้ง ๑๐๐% มีประสบการณ์การดื่มหรือเคยเห็นเพื่อนในวัยเดียวกันดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนจุดเริ่มต้นในการทดลองดื่ม คือ เบียร์ ๓๖% เหล้าปั่น ๓๔% และเหล้าสี ๒๑% ตามลำดับ


จากข้อมูลดังกล่าว ยังชี้ให้เห็นว่า ๗๖% เชื่อว่าถ้ามีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใกล้สถานศึกษา จะเป็นแรงจูงใจให้เยาวชนดื่มและเข้าถึงได้ง่าย ส่วนใหญ่จึงต้องการให้ภาครัฐออกมาตรการควบคุมดูแลอย่างจริงจัง และการควบคุมเข้มงวดการขายใกล้สถานศึกษา เพราะจะช่วยลดผลกระทบและลดการเกิดนักดื่มหน้าใหม่ได้ ที่ผ่านมาเกือบทุกร้านใช้กลยุทธ์ดึงดูดให้เข้าไปใช้บริการ เช่น ใช้ดนตรีเรียกแขก จัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ใช้หญิงสาวบริการ หรือบริการส่งถึงที่ เป็นต้น


นอกจากนี้ บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำการตลาดแฝงในรูปแบบ CSR ที่มุ่งไปที่เด็กและเยาวชน จัดแคมเปญเข้ามหาวิทยาลัย มีกิจกรรมภายนอกสถานศึกษา ซึ่ง ศธ.ยังไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะป้องกันแก้ไขปัญหานี้ ต่างจากประเด็นบุหรี่ที่ ศธ.ได้มีนโยบายและประกาศออกมาชัดเจน จึงมีข้อเสนอกับ ศธ.ดังต่อไปนี้


๑) ขอให้ ศธ.เร่งผลักดันมาตรการควบคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา กับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีผลบังคับใช้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
๒) ขอให้ ศธ.ออกประกาศไปยังสถานศึกษา ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้มีการทำกิจกรรม CSR ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดกับสถาบันการศึกษา ทั้งในและนอกสถานที่ ตลอดจนห้ามไม่ให้รับสปอนเซอร์ของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
๓) ขอให้สถาบันการศึกษาจัดรณรงค์ให้ความรู้ถึงพิษภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง


รมว.ศธ. กล่าวว่า การที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่บริเวณรอบสถานศึกษาต่างๆ มากขึ้น หรือบางแห่งอยู่ติดสถานศึกษา ยิ่งทำให้สะดวกแก่นักศึกษามากขึ้นที่จะใช้บริการ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง จึงจะพยายามไม่ให้นักศึกษาตกเป็นเป้าหมายต่อไปของผู้ที่ค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะรับข้อเสนอไปพิจารณา ตัวอย่างที่ได้พบเห็นคือ ในปีที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปร่วมงานคืนสู่เหย้าโรงเรียน พบเห็นนักเรียนหญิงอายุไม่ถึง ๑๘ ปี นั่งดื่มเบียร์ในงานเลี้ยงของโรงเรียน จึงจะกลับไปตั้งคำถามในกระทรวงศึกษาธิการว่า ทำไมงานเลี้ยงหรือการจัดงานรื่นเริงในสถานศึกษาบางกรณี จึงมีข้อยกเว้นให้มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ ส่วนในบางแห่งก็ดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี เช่น โรงพยาบาลบ้านแพ้ว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร จะให้เงินสนับสนุนเจ้าภาพที่จัดงานเลี้ยงในบริเวณอำเภอ หากไม่มีการบริการสุราหรือเบียร์ในงานเลี้ยงของตน จะได้รับเงินจำนวน ๕,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ บาท เพราะเงินดังกล่าวถือว่าคุ้มมาก เมื่อเทียบกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากงานเลี้ยง


รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า การผลักดันทำความเข้าใจเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากจะต้องรณรงค์ทำความเข้าใจกับเยาวชนที่อาจจะกลายนักดื่มหน้าใหม่ เพื่อให้เป็นเกราะคุ้มกันตนเองแล้ว ควรจะต้องทำความเข้าใจกับผู้ที่ดื่มเป็นประจำด้วย เพราะคนกลุ่มนี้แม้จะรณรงค์อย่างไรก็คงจะดื่มต่อไป ดังนั้นควรจะแยกกลุ่มรณรงค์ให้เห็นถึงผลเสียหรือโทษของการดื่มแอลกอฮอล์ที่เกิดขึ้นมากกว่า ส่วนกฎหมายหรือมาตรการควบคุมต่างๆ ในการบังคับใช้นั้น ประเด็นสำคัญอยู่ที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย อย่างไรก็ตามตนพร้อมจะผลักดันมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย และหากเครือข่ายต้องการให้มีส่วนร่วมรณรงค์เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ ก็พร้อมยินดีให้การสนับสนุนต่อไป


บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน