รร.คุณภาพประจำตำบล ระยะที่2

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ในการประชุมปฏิบัติการสรุปผลการเตรียมความพร้อมของโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระยะที่ 2 โดยมี พล.อ.สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ดร.อโณทัย ไทยวรรณศรี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สพฐ. พร้อมทั้งผู้แทนปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และคณะครูโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการเข้าร่วม เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่โรงแรมเอเชียร์ แอร์พอร์ท อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ กล่าวว่า ความร่วมมือโครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนตำบล มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาโรงเรียนให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามบริบทของตนเอง, ลดความเหลื่อมล้ำด้านการจัดศึกษาอย่างเท่าเทียมและครอบคลุมทั่วประเทศ, มีความพร้อมในการจัดการเรียนการสอน มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการเรียนรู้, มีผู้บริหารและครูที่มีประสิทธิภาพ, ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ

โดยโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณ สถานที่ แหล่งเรียนรู้ องค์ความรู้ บุคลากร ใน 3 ส่วนที่สำคัญ ดังนี้

  • ด้านผู้บริหารสถานศึกษา ได้รับการพัฒนาภาวะผู้นำ, ภาษาและการสื่อสาร (อย่างน้อย 2 ภาษาไทย-อังกฤษ), การบริหารสถานศึกษา, การบริหารแบบมีส่วนร่วม และการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชน

  • ด้านครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการพัฒนาให้มีครูครบชั้นเรียนและมีครูตรงสาขาวิชา รวมทั้งครูด้านทักษะวิชาชีพ มีบุคลากรฝ่ายสนับสนุน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ธุรการและนักการภารโรง, มีหลักสูตรการจัดการเรียนรู้และการประเมินผล, การจัดการชั้นเรียน, ภาษาและการสื่อสาร (อย่างน้อย 2 ภาษาไทย-อังกฤษ), การจัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยครูสามารถแยกแยะความสามารถของนักเรียนเป็นรายบุคคล, การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน, การพัฒนาตนเองแบบชุมชนแห่งการเรียนรู้, การใช้เทคโนโลยี ICT ในการจัดการเรียนการสอน และการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม

  • ด้านนักเรียน ได้รับการพัฒนาให้มีความพร้อมในหลายด้าน อาทิ ความเป็นพลเมืองดี (Moral Quotient) ตามค่านิยม 12 ประการ, ทักษะชีวิต (ผ่านกระบวนการลูกเสือ), พัฒนาการทางสติปัญญา (Intelligence Quotient), ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Quotient), ทัศนคติ (Attitude), พัฒนาการด้านร่างกายสมวัย (Physical), จบการศึกษา-มีงานทำ สามารถประกอบอาชีพได้, ภาษาและการสื่อสาร (อย่างน้อย 4 ภาษา ไทย, อังกฤษ, จีน, ญี่ปุ่น/เกาหลี/ฝรั่งเศส), เด็กเก่ง ICT, มีทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 และรักการเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์

พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นในอนาคตคือ โรงเรียนที่ให้โอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม และมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา มีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ให้มีความเข้มแข็งทางวิชาการ มีสมรรถนะและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตลอดจนด้านดนตรี กีฬา ศิลปะ และจิตสาธารณะ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความพร้อมทางด้านกายภาพ ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก วัสดุครุภัณฑ์ รวมทั้งมีความสะอาด ร่มรื่น ปลอดภัย เป็นโรงเรียนที่เน้นการพัฒนาพื้นฐานด้านอาชีพ และการเป็น “โรงเรียนของชุมชน” ที่มีความร่วมมือกับท้องถิ่น การให้บริการโรงเรียนเครือข่ายและชุมชนอย่างเข้มแข็ง

สำหรับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือโครงการให้บรรลุเป้าหมาย จำเป็นต้องอาศัยเครือข่ายและการมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งกับทั้ง 7 หน่วยงานที่ร่วมมืออยู่เดิม (ประกอบด้วย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ต้องการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพิ่มอีก 3 หน่วยงาน คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามบทบาทภารกิจและความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน ที่ล้วนมีความสำคัญในการที่จะขับเคลื่อนโครงการให้เกิดความเข้มแข็งและบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้

ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร กล่าวถึงภาพรวมของโครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลเพิ่มเติมว่า เป็นโครงการที่เกิดขึ้นตามนโยบาย “1 ตำบล 1 โรงเรียนคุณภาพ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโรงเรียนในท้องถิ่นระดับตำบลให้เป็นโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล มีความเข้มแข็งทางวิชาการและความพร้อมในการพัฒนาด้านคุณธรรม จริยธรรม อาชีพ และสุขภาพอนามัย สามารถให้บริการการศึกษาแก่นักเรียนและชุมชนได้ ตลอดจนการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม สำหรับนักเรียนในท้องถิ่นชนบทและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเอกชน บ้าน วัด รัฐ โรงเรียน เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ

ดยในปีงบประมาณ 2562 กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการคัดเลือกโรงเรียนที่มีคุณสมบัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด พร้อมผ่านการพิจารณาของกระบวนการประชาคม 3 ระดับ (ระดับตำบล ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด) รวมทั้งสิ้น 7,983 โรงเรียน แบ่งเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา 6,843 โรงเรียน และโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา 1,140 โรงเรียน โดยโรงเรียนระดับประถมศึกษาควรมีคุณสมบัติในหลายส่วน อาทิ ตั้งอยู่ศูนย์กลางชุมชน การคมนาคมและการสื่อสารสะดวก มีพื้นที่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน เพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและบริหารจัดการโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ คาดหวังให้นักเรียนเข้าถึงการบริการที่มีคุณภาพทั่วถึงและเป็นธรรม ได้รับความรู้ กระบวนการและทักษะที่จำเป็นกับการดำรงชีวิตและเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศ ในส่วนด้านผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษา มีความพร้อมทั้งสมรรถนะ ศักยภาพ และความสามารถในการบริหารและการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบของโรงเรียนคุณภาพที่มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน ตลอดจนเป็นแหล่งการเรียนรู้ของชุมชนและทุกภาคส่วน เกิดการยอมรับ เชื่อมั่นและศรัทธาต่อคุณภาพของโรงเรียน อันจะเป็นการเตรียมความพร้อมในการวางรากฐานของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป

ดร.อโณทัย ไทยวรรณศรี กล่าวถึงสรุปผลการเตรียมความพร้อมของโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระยะที่ 2 ดังนี้

  • ด้านการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา มีโรงเรียนที่มีการปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา ที่มีความชัดเจนและสอดคล้องกับแผนพัฒนาโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลครอบคลุมในทุกประเด็น จำนวน 2,990 แห่ง (คิดเป็นร้อยละ 37.96)

  • การเตรียมตัวครูด้านแผนการสอนสื่ออุปกรณ์การวัดประเมินผลและการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มีโรงเรียนมีแผนจัดการเรียนรู้ที่ระบุเป้าหมาย กิจกรรม สื่อ ตลอดจนการกำหนดช่วงเวลาการจัดกิจกรรมตามเป้าหมายของหลักสูตรสถานศึกษา จำนวน 2,881 แห่ง (คิดเป็นร้อยละ 36.57 )

  • ด้านการพัฒนาครูตามบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ ตามแผนพัฒนาโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล จำนวน 2,863 แห่ง (คิดเป็นร้อยละ 36.35 )

  • ด้านการดำเนินการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีโรงเรียนที่มีครูประจำชั้น/ครูที่ปรึกษาทุกคนมีการดำเนินงานตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามระบบทุกขั้นตอน มีข้อมูลสารสนเทศมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และมีการปรับปรุงระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนพร้อมใช้ในวันเปิดเรียนภาคเรียนที่ 1/2562 จำนวน 4,279 แห่ง (คิดเป็นร้อยละ 54.32 )

โดยสรุปความพร้อมของโรงเรียน ซึ่งมีโรงเรียนที่มีความพร้อมและผ่านเกณฑ์ทุกข้อแล้ว เป็นจำนวน 7,245 แห่ง (คิดเป็นร้อยละ 90.76)

การประเมินผลการดำเนินงานโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระยะต่อไป ดังนี้

  • การวัดและประเมินความก้าวหน้าในการพัฒนานักเรียน ตามตัวชี้วัดรายชั้นปี โดยมีครูผู้สอนเป็นผู้ประเมิน พร้อมทั้งมีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ทำหน้าที่การติดตามผล โดยเนื้อหาการประเมินพัฒนาการของนักเรียน ตั้งแต่ระดับปฐมวัย, ป.1 – ม.6 ใน 3 ด้าน คือ 1) ทักษะวิชาการ/ทักษะการเรียนรู้ 2) ทักษะชีวิต และ 3) ทักษะอาชีพ/ทักษะการทำงาน

  • การประเมินความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียน โดยมีปกครองนักเรียนเป็นผู้ประเมิน มีเนื้อหาการประเมินความต้องการและความพึงพอใจของผู้ปกครอง จำนวน 4 ด้าน คือ นักเรียน, ครู, ผู้บริหาร, โรงเรียน

  • การประเมินความสำเร็จและความก้าวหน้าและรายงานสาธารณะ โดยมีสำนักติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล (สพฐ.) เป็นผู้ประเมิน มีเนื้อหาการประเมินตามมาตรฐานโรงเรียนคุณภาพ 4 ด้าน คือ 1) ด้านปัจจัย 2) ด้านกระบวนการ 3) ด้านความรู้/ทักษะ และ 4) ด้านผลลัพธ์

Written by ทิพย์สุดา ศรีษะแก้ว
Photo Credit อิทธิพล รุ่ง​ก่อน
Rewriter นวรัตน์ รามสูต
Editor บัลลังก์ โรหิตเสถียร