ที่ปรึกษา รมว.ศธ. “บุญสิงห์” วางแนวทางการตรวจราชการเขต 11 ย้ำหัวใจหลักพัฒนาผู้เรียน เร่งลดภาระครู พร้อมยกระดับคุณภาพการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็ก

กระทรวงศึกษาธิการ – 28 ตุลาคม 2568 / นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมการตรวจราชการและติดตามประเมินผลการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เขตตรวจราชการที่ 11 (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) พร้อมบรรยายพิเศษ “การขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์)

โดยมีนายสมใจ วิเศษทักษิณ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการประชุมฯ ณ ห้องประชุมสนั่น อินทรประเสริฐ ชั้น 10 อาคารรัชมังคลาภิเษก 1 ตลอดจนผู้บริหารหน่วยงานทางการศึกษา ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 11 กว่า 1,700 คน เข้าร่วม ผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting ทั้งนี้ก่อนเริ่มการประชุม ได้มีการยืนสงบนิ่งถวายความอาลัย น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ที่ปรึกษา รมว.ศธ. กล่าวว่า การวัดคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยในระดับอาเซียนพบว่า อันดับของเรายังไม่ขยับขึ้นและถูกประเทศอื่นแซงหน้า ซึ่งเป็นประเด็นที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันพิจารณาและหาหนทางพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยมี “ผู้เรียน” เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน ทั้งนี้การพัฒนาผู้เรียนจะเกิดผลสำเร็จได้ต้องอาศัยองค์ประกอบที่หลากหลาย ทั้งการพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย และการพัฒนาครูผู้สอนซึ่งถือเป็นกลไกหลักของการสร้างคุณภาพการศึกษา

ปัจจุบันข้อมูลสะท้อนว่า “ครู” มีเวลาในการจัดการเรียนการสอนลดลง เนื่องจากภาระงานนอกเหนือจากการสอนจำนวนมาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการจึงมีนโยบาย “ลดภาระงานครู” โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปรับลดโครงการและภารกิจที่ไม่จำเป็น เพื่อให้ครูสามารถทุ่มเทเวลาให้กับการจัดการเรียนการสอนได้อย่างเต็มที่

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ การพัฒนาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ รวมถึงโครงการอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาผู้เรียน โดยกระทรวงศึกษาธิการได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การสนับสนุนเป็นไปอย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของสถานศึกษา โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ซึ่ง รมว.ศธ. จะนำเสนอเรื่องนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อขอการสนับสนุนงบประมาณในส่วนดังกล่าว

ในส่วนของการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท รมว.ศธ. มีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหานี้อย่างเป็นระบบ เนื่องจากพบว่าครูบางส่วนมีรายได้คงเหลือหลังหักหนี้สินไม่ถึง 30% ของรายได้ทั้งหมด ศธ. จึงเร่งดำเนินการนำครูที่อยู่ในกลุ่มวิกฤตเข้าสู่ระบบสหกรณ์กลาง เพื่อโอนหนี้เข้าสู่ระบบสหกรณ์ โดยมีแนวทาง “ละเว้นดอกเบี้ย” ชั่วคราว เพื่อช่วยลดภาระและสร้างโอกาสในการเริ่มต้นทางการเงินใหม่ให้แก่ครู

ด้านการประเมินวิทยฐานะ ได้มีการปรับปรุงกระบวนการให้เหมาะสมกับผู้มีประสบการณ์ เพื่อเปิดโอกาสให้ครูสามารถเพิ่มรายได้จากการปรับเงินเดือนตามวิทยฐานะที่สูงขึ้น พร้อมทั้งขับเคลื่อนการพัฒนาในมิติอื่น ๆ เช่น การจัดหาที่อยู่อาศัยให้ครู การนำอาคารเรียนที่ไม่ได้ใช้งานมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ และการทบทวนค่าใช้จ่ายด้านการเรียนการสอนให้เหมาะสม

เสียงสะท้อนจากครูและผู้ปกครองเกี่ยวกับโครงการเรียนฟรี 15 ปี ว่ากระทรวงศึกษาธิการจะดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของนโยบายอย่างแท้จริง เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และยกระดับโอกาสให้เด็กทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ

“สิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในกระทรวงศึกษาธิการ เรามีบุคลากรจำนวนมาก หากสามารถประสานพลังกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยสร้างคุณภาพให้กับการศึกษาไทย และพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถ พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป”

ภาพเพิ่มเติม https://www.facebook.com/share/p/14TbZm6g8i3/

อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว-กราฟิก
ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า / ภาพ