’บีเอสเอ’ กับภารกิจปลุกคนไทยให้ใส่ใจ ’ลิขสิทธิ์’

เผยคนไทยละเมิดลิขสิทธิ์จนเป็นค่านิยม ห่วงใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนโดนมัลแวร์ ล้วงข้อมูล กระทบธุรกิจและความเป็นส่วนตัว แนะเอาใจเขาใส่ใจเรา เตือนคนทำผิดละเมิดลิขสิทธิ์เป็นคดีอาญา…


จากปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ที่พบเห็นได้บ่อย จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาของสังคมยุคดิจิตอล ผ่านเครื่องมือช่วยกระทำผิดอย่างอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ แต่วันนี้ คนไทยคงเริ่มคุ้นชื่อ กลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ หรือ บีเอสเอ ผ่านการนำเสนอข่าวและจัดกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น จากการดำเนินงานอย่างจริงจังและต่อเนื่องภายใต้วัตถุประสงค์ในการทำให้โลกยุคดิจิตอลถูกต้องตามกฎหมายและ ปลอดภัย นโยบายการดำเนินงานสู่ปลายทางนั้นน่าสนใจเพียงใด คุณวารุณี รัชตพัฒนากุล ที่ปรึกษาและตัวแทนของบีเอสเอ ประจำประเทศไทย จะมาเปิดเผยให้ผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์ได้ทราบ โดยละเอียด…


IT Digest : บีเอสเอ คืออะไร

วารุณี : ชื่อเต็มของ BSA คือ Business Software Alliance เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร มีสมาชิกคือบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วโลกและเป็นพันธมิตรฮาร์ดแวร์ ภายใต้พันธกิจในการทำให้โลกดิจิตอลที่ไม่ได้จำกัดเพียงแค่ซอฟต์แวร์แต่ยังรวมถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อทำให้เป็นโลกที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือแนวทางที่ควรเป็นและปลอดภัยต่อผู้บริโภค ด้วยจุดเริ่มต้นจากวอชิงตันดีซีและขยายไปยังประเทศต่างๆ โดยบีเอสเอมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่วอชิงตันดีซี และมีสำนักงานกระจายอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาทิ แคนนาดา อังกฤษ กลุ่มสหภาพยุโรป ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม จีน อินเดีย ฯลฯ โดยแบ่งประเภทสมาชิกออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ระดับโลก ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ


ที่ผ่านมา อาจมองบทบาทของบีเอสเอเป็นการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ แต่ยังมีอีกบทบาทในการทำให้โลกดิจิตอลถูกต้อง ถูกฎหมาย และปลอดภัยต่อผู้ใช้ เนื่องจาก การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในปัจจุบันเกิดขึ้นหลายช่องทาง ทั้งร้านค้ารีเทล อินเทอร์เน็ต หรือมาพร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะเว็บไซต์แบบเพียร์ทูเพียร์ อาทิ การแบ่งปันไฟล์เพลงหรือหนัง รวมถึงโซเชียลเน็ตเวิร์กกิ้งต่างๆ


ในนามสมาชิกบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วโลกและประเทศไทย รวมถึงพันธมิตรฮาร์ดแวร์ คงต้องขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ กองบังคับการและปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี และเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย รวมถึงสื่อมวลชนที่ช่วยรณรงค์กิจกรรมของบีเอสเอ

IT Digest : บีเอสเอพึงพอใจกับอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทยหรือไม่

วารุณี : สำหรับตัวเลขร้อยละ 75 ในปัจจุบัน คิดว่ายังไม่เพียงพอที่จะทำให้อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เทคโนโลยี หรือไอทีของประเทศไทยเกิดการแข่งขันในเวทีโลก โดยอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในปัจจุบันส่งผลกระทบถึง 3 ด้าน คือ 1.ความสามารถทางการแข่งขันทั้งอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ไอที และเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ 3.การจ้างงาน หากลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ลงไปได้อีก 10 จุดใน 4 ปีจะทำให้เกิดการจ้างงานอีกหลายพันอัตราในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ทั้งยังสามารถสร้างรายได้มากถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

หากพิจารณาจากตัวเลขที่ลดลง 5 จุด อาจมองว่าไม่มาก แต่สำหรับมูลค่าการซื้อขายในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์หรือไอทีถือเป็นมูลค่าระดับสูง จากผลการศึกษาของไอดีซี พบว่าอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บนเครื่องพีซีในประเทศต่างๆ กว่าร้อยละ 49 ปรับลดลง ขณะที่อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์เฉลี่ยทั่วโลกในปี 2552 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 43 จากร้อยละ 41 ในปี 2551 เนื่องจากซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งบนเครื่องพีซีในตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยประเทศที่มีอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์สูงสุด คือ จอร์เจีย ซิมบับเว และโมลโดวา ด้วยอัตรามากกว่าร้อยละ 90

IT Digest : ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน เป็นอย่างไร

วารุณี : สิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงอาชญกรรมที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต แต่เป็นภัยคุกคามบนข้อมูลหรือความเสี่ยงด้านความปลอดภัย จากการขยายตัวของอาชญากรรมออนไลน์ในปัจจุบัน ทำให้บีเอสเอกำลังหาทางออกว่าจะทำอย่างไร ให้การดาวน์โหลดเนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเทอร์เน็ตเป็นไปได้ยากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่จำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้ด้วย แต่เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากบีเอสเอมีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจน ทั้งยังส่งสารออกไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย

เมื่อเราไม่สามารถถือปืนหรือกระบองไล่จับอาชญากรในคอมพิวเตอร์ได้ จึงจำเป็นต้องมีมาตราการทางเทคโนโลยีเข้าช่วย อาทิ การรองรับเฉพาะแผ่นเกมลิขสิทธิ์ของเครื่องเล่นเกม หรือเครื่องออดิโอที่สามารถเล่นได้เฉพาะแผ่นเพลงลิขสิทธิ์ ควบคู่การแจ้งเตือน รณรงค์ หรือให้ความรู้ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันการแข่งขันของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์หรือไอที

หากเทียบกับต่างประเทศ พบว่า ประเทศไทยยังมีจำนวนการจดสิทธิบัตรน้อยมาก ทั้งที่เรามีศักยภาพและสามารถแข่งขันระดับสากลได้ เชื่อว่าคนไทยเก่งสามารพัฒนานวัตกรรมและซอฟต์แวร์ได้ แต่จำเป็นต้องมีปัจจัยพื้นฐานด้าน R&D (Research and Development) รวมถึงการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อเปรียบกับในอดีต เชื่อว่าปัจจุบันประเทศไทยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพิ่มขึ้น จากการทำงานที่ดีของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

IT Digest : ปัจจัยใดที่ส่งผลให้อัตรการละเมิดลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นหรือลดลง

วารุณี : การเพิ่มขึ้นของการละเมิดลิขสิทธิ์ คือ ความเข้าใจที่ยังไม่ชัดเจนและถูกต้องเกี่ยวกับผลกระทบจากการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ทั้งในส่วนของผู้บริโภคและผู้ส่งออก อยากให้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เช่น การบริการ ความปลอดภัยของข้อมูลและคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ ยังควรคำนึงถึงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ รวมถึงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ยกตัวอย่างใกล้ตัว หากถึงวันที่โลกร้อนจนเราไม่สามารถปลูกข้าวได้ แต่ทรัพย์สินทางปัญญาก็ยังอยู่กับตัวเรา ประเทศเกาหลีสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาลจากเพลง ภาพยนตร์ หรือศิลปิน สิ่งเหล่านี้ล้วนถือเป็นทรัพยสินทางปัญญาทั้งสิ้น

นอกจากนี้ อัตราละเมิดลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นยังเกี่ยวข้องกับค่านิยม ที่อาจรู้สึกว่าสามารถแบ่งปันกันได้ แต่ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเหมือนสินค้า จึงควรเปลี่ยนค่านิยมบางประการ ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากหากมีโรดแมปที่ชัดเจนและได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ส่วนการลดอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์นั้น เชื่อว่า การรณรงค์ให้ความรู้และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง จะทำให้ประเทศไทยมีอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ลดลงได้

IT Digest : การเข้าตรวจค้นหรือจับกุมองค์กรที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ มีขั้นตอนอย่างไร

วารุณี : เราปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย โดยจะเดินทางไปพร้อมกับกองบังคับการและปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านไอที ซึ่งมีการขอหมายศาลถูกต้องทุกอย่างตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ คดีละเมิดลิขสิทธิ์เป็นความผิดทางอาญา เจ้าทุกข์ต้องแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยบีเอสเอจะมีการสืบหาข้อเท็จจริงเมื่อได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้หวังดี โดยดำเนินตามขั้นตอนประมวลวิธีพิจาราณาความอาญาทุกอย่าง เมื่อหลักฐานครบศาลจึงจะออกหมายศาล สำหรับเข้าตรวจค้นการติดตั้งซอฟต์แวร์เถื่อน แม้ที่ผ่านมาจะมีผู้ไม่หวังดีแอบอ้างชื่อเสียงของบีเอสเอไปหลอกลวงองค์กรที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่เราขอยืนยันว่าในการเข้าตรวจค้นทุกครั้งจะต้องมีเจ้าหน้าที่ไปด้วยทุกครั้งและไม่เคยเรียกร้องเงินจากผู้ประกอบการรายใด

ส่วนความกังวลเกี่ยวกับการถูกมองว่าบีเอสเอเลือกปฏบัตินั้น เราไม่เคยมีความกังวล และไม่เคยเข้าตรวจค้นบริษัทผลิตซอฟต์แวร์ แต่เป็นตรวจค้นบริษัททั่วไปที่มีการใช้ซอฟต์แวร์ต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งกระจายอยู่ในทุกอุตสาหกรรม สิ่งสำคัญคือ เราไม่เคยมีเส้นสายและไม่เลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ เราไม่เคยตั้งเป้าในการดำเนินการ ทั้งการปรับลดการละเมิดลิขสิทธิ์และการจับกุมผู้กระทำผิด แต่อาจสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยพื้นฐานของภูมิภาคที่ร้อยละ 59 เพื่อเพิ่มการจ้างงานและการเติบโตในภาคอุตสาหกรรม

IT Digest : บีเอสเอใช้กลยุทธ์ใดในการกระตุ้นให้อัตราละเมิดลิขสิทธิ์ลดลง


วารุณี : เราเน้นที่องค์กรธุรกิจเพื่อชี้ให้เห็นและหาทางออกร่วมกัน โดยมีการบังคับใช้กฎหมายเป็นทางเลือกสุดท้าย ด้วยงบประมาณจากสมาชิกที่ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องดังกล่าว เพื่อจัดกิจกรรมหรือรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์

IT Digest : มีกิจกรรมอะไรบ้างเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์


วารุณี : ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เรามีกิจกรรมหลากหลายเพื่อทำความเข้าใจกับภาคองค์กร อาทิ การรณรงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจด้วยแผ่นพับ แพ็คเกจจดหมาย และการโทรศัพท์ติดต่อ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสร่วมงานกับกระทรวงพาณิชย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา และสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ ซิป้า ที่ให้โอกาสบรรยายเกี่ยวกับเรื่องซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์แก่องค์กรธุรกิจในหลายแห่ง โดยการรณรงค์ในช่วงครึ่งปีหลัง บีเอสเอยังเตรียมเปิดตัวกิจกรรมใหม่ นอกเหนือจากเว็บไซต์ในการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เช่น www.b4usurf.org หรือ www.stop.in.th และ www.bsacybersafety.com ให้ความรู้แก่ผู้ที่ต้องการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อเตือนให้ผู้ใช้ตระหนักถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล


IT Digest : อยากฝากอะไรถึงผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์

วารุณี : อยากฝากถึงผู้ใช้ซอฟต์แวร์มีความเข้าใจว่าซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ให้ประโยชน์มากกว่าที่คิด ทั้งยังให้ประโยชน์ต่อประเทศชาติและเศรษฐกิจโดยรวมอย่างที่คุณคาดไม่ถึง ที่สำคัญยังช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์หลักในการนำพาประเทศไปสู่การแข่งขันกับประเทศอื่น ขณะเดียวกัน ยังสามารถใช้ประโยชน์ในรูปแบบภาษีและชื่อเสียงกลับสู่ประเทศ อย่างไรก็ตาม คงไม่คุ้มหากจะเสี่ยงนำธุรกิจหรือความปลอดภัยของข้อมูลมาเสี่ยงกับการกระทำผิดกฎหมาย โดยองค์กรที่ต้องการขอรับคำแนะนำจากบีเอสเอ หรือผู้หวังดีที่ต้องการรายงานการละเมิดลิขสิทธิ์ สามารถติดต่อได้ทาง  www.bsa.org/thailand หรือ www.stop.in.th


ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐ