การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในกาพัฒนาเด็กให้มีความรู้และทักษะ การส่งเสริมการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของเด็กให้มีทักษะการเรียนรู้ บรรลุตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพมาตรฐานการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ คือ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิต และการใช้เทคโนโลยี และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่หลักสูตรกำหนด โดยส่งเสริมให้นักเรียนมีพัฒนาการด้านร่างกาย จิตใจอารมณ์ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา เน้นการฝึกปฏิบัติจริงตอบสนองความสามารถ ความถนัดและความสนใจ ของผู้เรียน มีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติ การสร้างองค์ความรู้ การสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าต่อตนเองและผู้อื่น รวมทั้งการเรียนรู้ทักษะการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคมอย่างมีความสุข มีวิธีการที่หลากหลายวิธีการหนึ่ง ที่สามารถสนองตอบการส่งเสริมนักเรียนให้มีพัฒนาการดังกล่าว คือ “ค่าย”
|
“ค่าย” เป็นกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียน รูปแบบหนึ่งที่รู้จักกันมานาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนา ส่งเสริม สนับสนุน รวมถึงป้องกันแก้ไขปัญหา ตัวอย่างของค่ายเช่น ค่ายลูกเสือ ค่ายยุวกาชาด ค่ายบำเพ็ญประโยชน์ ค่ายวิทยาศาสตร์ ค่ายคณิตศาสตร์ ค่ายเยาวชน เป็นต้น ค่ายมีลักษณะเฉพาะคือ มีการกำหนดเป้าหมายชัดเจน มีผู้นำหรือพี่เลี้ยงค่ายทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ใช้ระบบกลุ่มในการพัฒนา มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมปลอดภัย มีกิจกรรมหลักเป็นหัวใจของค่าย ต้องมีการคัดเลือกกิจกรรมและนำไปใช้อย่างมีทักษะและเทคนิค มีกระบวนการบริหารค่าย โดยทั่วไปประกอบด้วยกิจกรรมใน 5 ลักษณะ ได้แก่ การชีวิตร่วมกันเป็นคณะหรือเป็นกลุ่ม การนันทนาการ การศึกษา การใช้ชีวิจกลางแจ้งหรือที่เหมาะสมอื่นๆ การปรับตัวทางสังคม และการบริหารงานค่าย
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตระหนักและเห็นความสำคัญในการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ และทักษะการเรียนรู้เพื่อให้บรรลุตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และมุ่งพัฒนาผู้เรียนได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรง จึงได้จัดทำเอกสาร “แนวทางการจัดค่าย” โดยเรียบเรียงจากการรวบรวมและสังเคราะห์ประสบการณ์จากกรปฏิบัติการจริงในการจัดค่ายจากผู้รู่ และผู้มีประสบการณ์ในการจัดค่าย ทั้งจากภาครัฐและเอกชนมาร่วมกันเขียน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดค่ายให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ได้สร้างความเข็มแข็งให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยอบรมผู้จัดการค่าย อำนวยความสะดวก ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดค่ายให้สามารถดำเนินการบรรลุตามวัตถุประสงค์ได้ เป็นผู้ให้คำปรึกษา หรือร่วมดำเนินกิจกรรมค่ายในเขตพื้นที่การศึกษา
|
ค่ายเอื้อต่อการออกแบบและการจัดการเรียนรู้ ที่แตกต่างจากการเรียนการสอนในห้องเรียน กล่าวคือ การเปลี่ยนแหล่งของความรู้ เปลี่ยนบริบทการเรียนรู้ จากการเรียนรู้จากตำราเรียนและครู สู่การเรียนรู้จากผู้รู้อื่นๆ และจากสถานการณ์จริง และที่สำคัญคือ ได้ลงมือปฏิบัติการด้วยตนเองจากสถานที่ในห้องสี่เหลี่ยมสู่โลกกว้างที่ไม่มีที่สิ้นสุด มีกระบวนการคิด วิเคราะห์ และการเชื่อมโยงมากขึ้น ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เด็กเกิดความกระหายต่อการเรียนรู้และรับรู้ได้ดียิ่งขึ้น ตลอดจนมีใจจดจ่อและตื่นตัวต่อกระบวนการเรียนรู้นั้นๆ อันส่งผลให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้มากิ่งขึ้น การเข้าค่ายเป็นช่วงเวลาที่เด็กจะได้รับประสบการณ์ตรงจากการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ การสร้างประสบการณ์ใหม่ การใช้ประสบการณ์เชิงบวกในการเรียนรู้ ทำให้เด็กเกิดความประทับใจ และมีแรงบันดาลใจ เช่น การได้ค้นพบความสามารถของตนเอง มีโอกาสแสดงออก เสริมความใฝ่ฝันใน “สิ่งที่ดีกว่า” ที่เป็นจริงได้ ส่งผลให้เด็กเกิดการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ ความคิด และพฤติกรรม เกิดความนับถือตนเอง เป็นการเปลี่ยนแปลงจาก “ภายใน” ในระดับบุคคล
ประโยชน์ที่เด็กได้รับจากการเข้าค่าย มีมากมายหลายด้าน เช่น
– ภาวะผู้นำ/ทีม : ได้เรียนรู้การเป็นผู้นำ ขณะเดียวกันก็สามารถเป็นทีมที่ดี
– ทักษะการคิด : คิดได้ คิดเป็น คิดถูก ภายใต้วิถีทางที่ถูกต้อง เช่น คิดทำงานและมีผลงานการคิดหลายๆ แบบ
– การทำงานเป็นทีม : การวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของทีม ศักยภาพ การรู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง และการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข– ทักษะชีวิต : ได้ทดลองใช้ชีวิตตามรูปแบบจำลอง เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม การพัฒนาการพูด มารยาท การวางตัว ความอดทน และการแก้ปัญหา
– ด้านคุณธรรม : รู้จักคิด สิ่งที่ผิดหรือถูก สิ่งที่ควรทำไม่ควรทำ มีความรับผิดชอบ ตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณ และการควบคุมอารมณ์
– เครื่อข่ายเพื่อน : ได้เพื่อใหม่ มีเพื่อสนิท ครูดี ผู้ใหญ่ดี รุ่นพี่ดี ที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ชีวิต
– ความเข้าใจตนเอง : มีทิศทางการทำงานที่ชัดเจน ช่วยในการตัดสินใจในอนาคต การเรียนการทำงานของตนเองบนฐานประสบการณ์ข้อมูลที่ถูกต้อง การรู้จักตนเอง พัฒนาตนเอง เกิดแรงบันดาลใจ ใฝ่เรียนรู้ติดตัว เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต มีจิตสาธารณะ สนใจชุมชน หรือท้องถิ่น และการเปลี่ยนแปลงด้านอารมณ์
– มีจิตสาธารณะ : การเปลี่ยนแปลงในระดับจิตสำนึก ความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ
– รับผิดชอบสังคม : เกิดโครงการฯ ที่ทำได้จริง ต้องการทำงานให้เป็นประโยชน์กับผู้อื่นและลงมือทำงานให้ผู้อื่นด้วยวิถีทางของตนเอง การเป็นผู้ให้ที่ดี รับผิดชอบ และไม่สร้างภาระ
– ความรู้ ทักษะ : เกิดความรู้ใหม่ ตามสาระที่จัดให้ และถูกจัดอย่างน่าสนใจ ต่อยอดความรู้ ความสามารถ บูรณาการกับการปฏิบัติจริง การวางแผนการศึกษาและอาชีพ
โดย สุดาวรรณ เครื่อพานิช
ที่มาข้อมูล : วารสารวิชาการ ปีที่ 13 ฉบับที่ 1 มกราคม – มีนาคม 2553
ที่มาเว็บ : http://www.myfirstbrain.com/teacher_view.aspx?ID=78498