เมื่อวันศุกร์ที่
28 เมษายน 2560 เวลา 09.30-12.00 น.
ณ โรงแรมนิวแทรเวล บีช รีสอร์ท อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี : พล.อ.สุรเชษฐ์
ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.อ.สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล
ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับฟังผลการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาพื้นที่ชายแดน
(พ.ศ.2560-2564) ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคตะวันออกของประเทศไทย
คือ จันทบุรี ตราด และสระแก้ว โดยมีสาระที่สำคัญโดยสรุปดังนี้
● “สุรเชษฐ์”
เผยถึงการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ ด้วยการวางแผนพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ชายแดน
27 จังหวัด 105 อำเภอ
พล.อ.สุรเชษฐ์
ชัยวงศ์ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาพื้นที่ชายแดนที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ
คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และราชอาณาจักรกัมพูชา ครอบคลุมพื้นที่
27 จังหวัด 105 อำเภอ เพื่อส่งเสริมศักยภาพการศึกษาด้านเศรษฐกิจ
ด้วยการส่งเสริมการสร้างนักเรียน นักศึกษา ให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ
พร้อมทั้งสร้างการพัฒนางานด้านเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญต่อการเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ
ในส่วนของจังหวัดภาคตะวันออกของไทย
มีอาณาเขตที่ติดกับประเทศกัมพูชา รวม 3 จังหวัด : จันทบุรี 2 อำเภอ คือ อำเภอโป่งน้ำร้อน
และสอยดาว, สระแก้ว 4 อำเภอ คือ
อำเภอคลองหาด ตาพระยา อรัญประเทศ และโคกสูง, ตราด 3 อำเภอ คือ อำเภอเมืองตราด บ่อไร่ และอำเภอคลองใหญ่
● เน้นการนำ
“โอกาสและจุดแข็ง” มาสร้างวิสัยทัศน์ในการผลิต “นักเรียนชายแดน”
ที่มีศักยภาพ
ด้วยเหตุนี้ กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ปูพรมเร่งเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ
โดยเน้นการนำ “โอกาสและจุดแข็งชายแดน” มาสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ในการผลิต
“นักเรียนชายแดน” ที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
รวมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ ให้โครงการปฏิบัติต่าง ๆ เป็นรูปธรรม
จับต้องได้ มีเกณฑ์ตัวชี้วัด เห็นผลชัดเจนในระยะเวลารวดเร็ว
และสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนนโยบายรัฐบาล
● นำร่องใน
4 จังหวัดภาคเหนือ ก่อนขยายสู่พื้นที่ชายแดนอื่น ๆทั่วประเทศ
พร้อมทั้งได้ดำเนินการนำร่องใน 4 จังหวัดภาคเหนือ
คือ จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน เชียงราย และเชียงใหม่ ซึ่งได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาโรงเรียนพื้นที่ชายแดน
(พ.ศ.2560-2564) ขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ไปแล้วเมื่อเร็ว
ๆ นี้ ก่อนขยายสู่พื้นที่ชายแดนอื่น ๆ ทั่วประเทศต่อไป
โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดต่าง ๆ ในพื้นที่ชายแดน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา นำโดย ผศ.ดร.บรรพต
วิรุณราช คณบดี
ดังนั้น กศจ.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนดังกล่าว
จึงให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ เพื่อร่วมกันคิด
พร้อมทั้งเขียนแผนบูรณาการของจังหวัดเป็นกลุ่ม ๆ โดยให้จังหวัดจันทบุรี ตราด
สระแก้ว เป็นกลุ่มที่ 2 ที่จะดำเนินการเขียนแผนสู่การปฏิบัติ และแผนพัฒนา โดยนำจุดแข็งและโอกาสมาเขียนคู่ไปกับปัญหาที่พบ
● เผยถึงร่างแผนพัฒนาการศึกษา
3 จังหวัดภาคตะวันออก ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
จากการรับฟังผลการประชุม
ทำให้เห็นถึงความก้าวหน้า
(ร่าง) แผนพัฒนาการศึกษาพื้นที่ชายแดน (พ.ศ.2560-2564) ทั้ง 3 จังหวัด ซึ่งสอดคล้องตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) คือ ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
และสอดคล้องกับแผนการศึกษาแห่งชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2579) และแผนจัดการศึกษาแบบบูรณาการเพื่อรองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(Eastern Economic Corridor : EEC) ด้วย
ดังนั้น
ยุทธศาสตร์การศึกษาของ 3 จังหวัดดังกล่าว จึงมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติทั้ง
6 ด้าน คือ 1. การศึกษาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคง
2. การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
3. การผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะในการแข่งขัน 4.
การสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางการศึกษา 5. การจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 6.
การพัฒนาระบบการบริหารจัดการศึกษา
● 3 จังหวัดนำเสนอร่างแผนพัฒนาการศึกษาพื้นที่ชายแดน
ทั้ง 3 จังหวัดได้นำเสนอผลการประชุม ซึ่งมีบางส่วนที่น่าสนใจ
เช่น
จันทบุรี ต้องการครูสอนภาษาเขมรและเวียดนามมากขึ้น
เพื่อสอดรับกับการพัฒนาด่านการค้าชายแดนทั้ง 2 แห่งในจังหวัดจันทบุรี
โดยมุ่งจัดการศึกษาไปสู่ 5H คือ Head Heart Hand
Health Happiness และมีหลายโครงการในการส่งเสริมอาชีพชายแดนเพื่อการมีงานทำ
รวมทั้ง “การค้าออนไลน์” ซึ่งได้ขอให้สำนักงาน กศน.จังหวัดจันทบุรี
เป็นหลักในการทำงานที่จะสนับสนุนการค้าออนไลน์ให้แพร่หลาย เช่น การค้าออนไลน์ลำไย เพื่อให้เชื่อมตรงสู่การบริโภคของประชาชน
ตราด จะมีการจัดทำแนวทางการพัฒนาการศึกษาเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับ
“จุดแข็ง” ของจังหวัด คือ การเป็นเมืองที่มีอากาศดี เป็นเมืองท่องเที่ยว
เป็นเมืองการค้าชายแดน และเป็นเมืองเกษตรผลผลิตพื้นบ้าน โดยใช้ “โอกาส” ที่มีอยู่
คือ การเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด รวมทั้งเรื่อง Trat Green City ตลอดจนการสร้างระบบโลจิสติกส์ที่มีคุณภาพ
สระแก้ว เป็นจังหวัดที่ตั้งขึ้นใหม่มาแล้ว
24 ปี ที่จะเน้นให้ “นักเรียนนักศึกษาและประชาชนในพื้นที่ชายแดนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพและเสมอภาคอย่างทั่วถึง
มีทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต และจิตสำนึกร่วมสร้างความมั่นคงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา”
ตามวิสัยทัศน์ที่ กศจ.สระแก้ว ได้กำหนดไว้
● ขอให้วางแผนการศึกษาโดยยืดหยุ่นไปยังอำเภออื่น
ๆ ที่ไม่ใช่พื้นที่ชายแดนด้วย
พล.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่าศักยภาพในพื้นที่ภาคตะวันออกมีสูงมาก
โดยมี 9 อำเภอใน 3 จังหวัดภาคตะวันออกที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
แต่ไม่ได้หมายถึงจะจำกัดแต่ในพื้นที่อำเภอชายแดนดังกล่าวเท่านั้น ต้องยืดหยุ่นเพื่อให้ขยายไปยังพื้นที่อำเภออื่น
ๆ ด้วย แต่เหตุผลที่ได้กำหนดอำเภอชายแดนก่อน ก็เพื่อให้เป็นก้าวแรกที่มั่นคง เพื่อก้าวต่อไปจะได้เข้มแข็งตามลำดับ
และพื้นที่ภาคตะวันออกมีทั้งจังหวัดที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ คือ ตราด-สระแก้ว
และเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก คือ ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-ระยอง
แต่ในวงใหญ่จริง
ๆ คือ “ภาคตะวันออก” ซึ่งเป็นภาคที่มีศักยภาพสูงมาก มีมูลค่าทางการค้า
การลงทุน การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ EEC ที่จะเป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาคอาเซียนต่อไป
ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการจึงมีบทบาทสำคัญที่สุดในการผลิตและพัฒนากำลังคนให้สอดคล้องกับการพัฒนาด้านต่าง
ๆ ในพื้นที่ตามนโยบายของรัฐบาล
● ฝาก
5 ประเด็นหลักในการทำงานตามแผนการศึกษาพื้นที่ชายแดน
โอกาสนี้ พล.อ.สุรเชษฐ์
กล่าวฝากใน 5 ประเด็นหลัก ดังนี้
-
ฝากติดตามข้อมูลข่าวสารในเรื่องใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์หรือผลกระทบต่อตัวเองหรือพื้นที่ เช่น การที่นายกรัฐมนตรีสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหลัก
ร่วมกับกระทรวงแรงงาน และ BOI รวมทั้ง TDRI และหน่วยงานต่าง
ๆ ในการตรวจสอบการผลิตและพัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและการผลิต
จึงต้องมีการติดตามและนโยบายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐ -
การบูรณาการแผนการศึกษาให้สอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนทุกระดับ
ทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนการศึกษาแห่งชาติ
และแผนบูรณาการศึกษาในพื้นที่ และขอให้เน้นการนำแผนที่ดีไปสู่การปฏิบัติที่ดีด้วย โดยให้มีการทบทวนและรายงานแผนเป็นห้วง
ๆ เพื่อให้การปฏิบัติตามแผนห้วงต่อไปให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น -
เน้นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ทั้งในองค์กรหรือนอกองค์กร
เพื่อให้เกิดความร่วมมือ และให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบความเคลื่อนไหวในการจัดการศึกษาของทุกภาคส่วนในกระทรวงศึกษาธิการ -
สร้างบรรยากาศการทำงานอย่างมีพลัง อย่ากังวลกับปัญหาการทำงานจนส่งผลถึงความเครียดในการทำงาน
อันจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย จึงขอให้ผู้บริหารให้ความสำคัญกับการดูแล
สนับสนุน และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับบุคลากรทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาในพื้นที่ชายแดนห่างไกลที่จะมีปัญหาหลัก
ๆ คือ ขาดครู ขาดงบประมาณ จึงต้องการช่วยกันแยกแยะปัญหา และร่วมกันแก้ไขไปทีละส่วน -
ให้หน่วยงานและสถานศึกษาน้อมนำเรื่องของศาสตร์พระราชา
หลักการทรงงาน เกษตรทฤษฎีใหม่ และยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” ซึ่งถือเป็น “วิชาชีวิต”
ที่มีค่ามากที่สุดของคนไทยไปเป็นแนวทางในการศึกษาเรียนรู้ ปฏิบัติ และขยายผลให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงผศ.ดร.บรรพต
วิรุณราช คณบดีวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์
ม.บูรพา เป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐด้านการบริหารจัดการทางธุรกิจที่เปิดสอนปริญญาโทและปริญญาเอก
และอยู่ในพื้นที่เป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่
จ.ชลบุรี ได้รับมอบหมายในการร่วมนำบุคลากรทุกภาคส่วน ดึงจุดแข็งและโอกาส
มาสร้างโครงการพัฒนาต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นจึงได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ
ในการจัดทำแผนพัฒนาการศึกษาพื้นที่ชายแดน โดยนำ “จุดแข็งและโอกาส”
มาเป็นแนวทางนำนโยบายสู่การปฏิบัติ เป็นการสร้างมุมมองการพัฒนาในอีกมิติที่สามารถมีส่วนในการผลักดันให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรของแต่ละท้องถิ่นที่มีบริบทแตกต่างกัน
ซึ่งจะก่อให้เกิดการรับรู้และกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตั้งแต่ระดับฐานราก และสามารถเชื่อมโยงไปสู่การพัฒนาร่วมกับเขตเศรษฐกิจต่าง
ๆ ของประเทศได้ เช่น เขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นต้น
ตลอดจนสามารถขยายผลต่อยอดได้ในระดับอื่น ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นได้ในหลายมิติขณะนี้
มีหลายโครงการซึ่งวิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ได้ดำเนินการในการส่งเสริมสนับสนุนและเป็นพี่เลี้ยงให้กับสถานศึกษาในพื้นที่
เช่นโครงการจัดแข่งขันการขยายสินค้าออนไลน์ เพื่อให้ทุกคนสามารถนำสินค้าในชุมชนชายแดนมาขายผ่านระบบออนไลน์
ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 โดยเปิดรับสมัครจังหวัดละ
1 ทีมเข้าร่วมแข่งขัน พร้อมรับเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายทีมละ
5,000 บาท รวมทั้งโครงการอบรมร่วมระหว่างนักศึกษาเขตชายแดน ร่วมกับนักศึกษาในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
ผู้สนใจสอบถามการสมัครเข้าร่วมทั้ง 2 โครงการได้ที่ www.ex-mba.buu.ac.th
หรือโทร 038 394 900
บัลลังก์
โรหิตเสถียร: สรุป/รายงาน
อรพรรณ ฤทธิ์มั่น: ถ่ายภาพ
28/4/2560