เห็ดรามีฤทธิ์บำบัดน้ำเสียมก.หนุนผู้ผลิตม่อฮ้อมใช้แทนเคมี

น้ำเสียจากการผลิตเสื้อม่อฮ่อมและกางเกงยีนสุดเท่มีเฉดสีน้ำเงินซึ่งเกิดจากสีย้อมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม นักศึกษาโครงการปริญญาเอกจึงวิจัยหาวิธีบำบัดสารสีน้ำเงินในน้ำเสีย พบเอนไซม์จากเห็ดรามีคุณสมบัติตามต้องการ แถมราคาถูกและใช้ง่าย เตรียมผลักดันให้ผู้ผลิตนำไปใช้

          ดร.ชุรภาธีรภัทรสกุล ดุษฎีบัณฑิตโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก (คปก.) จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์บำบัดน้ำเสียจากโรงงานผลิตกางเกงยีนและชุดม่อฮ่อม ซึ่งปนเปื้อนสีย้อมเฉดสีน้ำเงินสูง สีนี้เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

          ผลิตภัณ์ดังกล่าวเป็นผลผลิตจากการวิจัยเห็ดพบว่าเห็ดที่ขึ้นอยู่โคนต้นสมอพิเภก มีเอนไซม์สามารถย่อยสลายสารเคมีเป็นพิษได้หลายชนิด รวมทั้งสีย้อมเฉดน้ำเงิน ที่ใช้มากในอุตสาหกรรมผลิตกางเกงยีนและชุดม่อฮ่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทีมงานจึงสกัดเอนไซม์ดังกล่าวออกมา จากนั้นพัฒนาให้อยู่ในรูปเม็ดกลมคล้ายเม็ดสาคูที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีกหลายครั้ง

          “จากการทดสอบประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสีย โดยใช้น้ำที่ผสมสีย้อมผ้าม่อฮ่อมในถังหมักแบบให้อากาศขนาด 5 ลิตร เติมเอนไซม์ 0.5 ลิตรในน้ำ ทิ้งไว้ 1 คืน พบว่าเอนไซม์สามารถกำจัดสีย้อมชนิดนี้ได้ 100% ทั้งยังนำเอนไซม์ชุดเดิมกลับมาใช้ซ้ำได้ถึง 14 ครั้ง” ดร.ชุรภากล่าว

          ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมดังนั้น ภาคอุตสาหกรรมจึงจำเป็นต้องกำจัดสารปนเปื้อน หรือของเสียจากกระบวนการผลิต เช่น สารกลุ่มฟินอลลิก ทั้งสารอินทรีย์ เช่น ลิกนิน และสารเคมี เช่น สีย้อม หรือยากำจัดศัตรูพืช ซึ่งปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติ สารเหล่านี้เป็นพิษต่อระบบนิเวศ แถมยังย่อยสลายยาก

          วิธีกำจัดหรือย่อยสลายสารเหล่านี้ส่วนใหญ่มักเป็นวิธีการทางเคมี คือตกตะกอนด้วยสารเคมี เช่น ปูนขาว หรือเฟอร์รัสซัลเฟต หรือทางกายภาพ  เช่น บำบัดด้วยโอโซน แต่ผู้ประกอบการหลายแห่งเปลี่ยนมาใช้วิธีทางชีวภาพมากขึ้น โดยใช้จุลินทรีย์หรือผลิตภัณฑ์จากจุลินทรีย์ เช่น เอนไซม์ เพราะปฏิกิริยาไม่รุนแรงเหมือนปฏิกิริยาเคมี ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม และลงทุนต่ำกว่าวิธีทางกายภาพ

          ดังเช่นผลงานวิจัยชิ้นนี้ที่สามารถใช้งานจริงในระดับอุตสาหกรรมต้นทุนการกำจัดเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ยกตัอวย่างเอนไซม์ 0.5 ลิตร ที่ใช้ทดสอบ มีค่าใช้จ่ายเพียง 10 บาทเท่านั้น แต่ใช้ซ้ำได้หลายครั้ง และยังย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ

          ที่มา: http://www.komchadluek.net