17 มกราคม 2561
ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ
“การดำเนินกิจกรรมบนระบบเครือข่ายสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา ครั้งที่ 36”
ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม
ดร.สุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการ WUNCA เป็นกิจกรรมที่สะท้อนถึงความร่วมมือของกลุ่มคณาจารย์ นักวิจัยและผู้ปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในระบบการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่ง โดยกิจกรรมนี้ได้ถูกนำมาเป็นต้นแบบของการจัดกิจกรรมในกลุ่มสมาชิกระดับต่างๆ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการพัฒนาเครือข่าย UniNet ในระยะ 7 ปีที่ผ่านมา ที่ได้เปลี่ยนโครงสร้างเครือข่ายจากการเช่าสื่อสัญญาณเครือข่ายจากผู้ให้บริการรายต่างๆ มาเป็นการวางระบบสื่อสารด้วยสื่อใยแก้วนำแสง ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 10,700 แห่ง โดยที่มีบุคลากรส่วนกลางในการบริหารจัดการไม่ถึง 30 คน หากเปรียบเทียบกับผู้ให้บริการเครือข่ายในลักษณะเดียวกัน จะเห็นว่าสัดส่วนงบประมาณด้านบุคลากรกับงบลงทุนไม่ถึง 1% ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพสูงในระบบงบประมาณ ทั้งนี้ความสำเร็จดังกล่าวจะไม่ประสบความสำเร็จได้ หากขาดความร่วมมือจากสถาบันอุดมศึกษาที่มีการพัฒนาเครือข่ายร่วมกันมากกว่า 20 ปี ทำให้ประเทศไทยของเราขณะนี้ มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเครือข่าย โทรคมนาคม ระบบคอมพิวเตอร์ ฐานข้อมูล สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและการนำไอซีทีมาใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนในการพัฒนาประเทศ พร้อมทั้งมีแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมออกมาขับเคลื่อนมาแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งสถาบันอุดมศึกษาจะเป็นเสมือนฐานรากเกื้อหนุนภารกิจ โดยการช่วยเหลือสถาบันการศึกษาระดับอื่นในพื้นที่ตามกำลังความสามารถ และความถนัด ลักษณะการเชื่อมโยงและแตกกิ่งก้านความร่วมมือในลักษณะนี้ ผมมั่นใจว่าจะทำให้เป้าหมายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงครอบคลุมทั่วประเทศสำเร็จได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีนโยบายที่จะปรับปรุงระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ทุกโรงเรียนและสถานศึกษาทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่ง สามารถใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้ของเด็กในยุคดิจิทัลที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการเรียนรู้ ซึ่งเดิมในจำนวนดังกล่าว ได้รับบริการเครือข่าย UniNet แล้วกว่า 10,000 แห่ง ส่วนที่เหลือนั้นใช้เครือข่าย MOENet โดยการเช่าบริการเครือข่ายจากผู้ให้บริการเอกชน บริหารจัดการเครือข่ายและงบประมาณจากส่วนกลาง ซึ่งในขณะนี้มีนโยบายให้ยกเลิกเครือข่าย MOENet แล้ว และปรับเปลี่ยนระบบบริหารเป็นแบบ Decentralized หรือการกระจายอานาจไปให้โรงเรียนตัดสินใจ คัดเลือกผู้ให้บริการที่มีศักยภาพเหมาะสมสูงสุดในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและจัดการระบบรองรับสัญญาณภายในโรงเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้จะกำหนดให้เครือข่าย UniNet เป็นเครือข่ายหลักที่จะทำหน้าที่เชื่อมโยงกับผู้ให้บริการเครือข่าย (ISP,NSP) ในระดับต่างๆ จะทำให้โรงเรียนทั้งระบบสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล และดำเนินกิจกรรมด้านการเรียนการสอนร่วมกันได้เสมือนอยู่บนโครงข่ายเดียวกัน
“การพัฒนาและขยายเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษาตามกรอบแนวคิดดังกล่าว จะทำให้ UniNet แปลงสถานะภาพเป็นเครือข่ายการศึกษาแห่งชาติ หรือ NEdNet ซึ่งเราจำเป็นต้องมีการพัฒนาและขยายสื่อสัญญาณแกนหลัก (Backbone) และเครือข่ายกระจาย (Distributor) โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2560 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย/สถาบัน ที่เป็นหน่วยวางระบบเครือข่ายแกนหลัก 21 แห่ง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษา ในการสนับสนุนและพัฒนาเครือข่ายร่วมกัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการวางฐานการให้บริการและจะขยายผลลงไปในระดับต่างๆ รวมถึงการวางระบบให้ครอบคลุมเพื่อเป็นระบบสำรองในพื้นที่เสี่ยง รวมถึงจะร่วมมือกับหน่วยงานเอกชนที่มีศักยภาพในพื้นที่ที่จำเป็น โดยมีวัตถุประสงค์ให้การให้บริการเครือข่ายมีประสิทธิภาพและไม่มี Downtime ในการบริการเครือข่ายแก่สมาชิก หวังเป็นอย่างยิ่งที่สถาบันอุดมศึกษาจะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาครั้งนี้ และร่วมกันพัฒนาโครงข่ายการศึกษาแห่งชาตินี้ให้เป็นเครือข่ายของประเทศสำหรับการศึกษาและวิจัยต่อไป” เลขาธิการ กกอ. กล่าวในตอนท้าย
รองศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ มิตะถา ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ ว่า Uninet ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยอนุเคราะห์สถานที่จัดงานและอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ในการนี้ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญ คณาจารย์ นักวิจัยจากสถาบันการศึกษาและหน่วยงานเอกชน จำนวนกว่า 80 ท่าน ร่วมพูดคุยและให้ความรู้ในด้านเทคโนโลยีแขนงต่างๆ ประกอบด้วยหัวข้อบรรยายกว่า 30 หัวข้อ พร้อมทั้งมีการจัด หลักสูตรฝึกอบรมจานวน 6 หลักสูตร ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวมีผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานจำนวนทั้งสิ้น 767 คน และในวันสุดท้ายของงานได้จัดให้มีกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้จากพี่สู่น้อง โดยได้เชิญโรงเรียนที่ได้รับบริการ เครือข่าย UniNet ในพื้นที่ภาคอีสาน อาทิ จังหวัดมหาสารคามและจังหวัดกาฬสินธุ์และมีการตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจำนวน 194 คน ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดี ในการที่โรงเรียนได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนการสอน”