อาชีวะศึกษาเปิดตัว ปริญญาตรีสายปฏิบัติการ รุ่นแรก

นายพงศ์เทพ
 เทพกาญจนา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  เป็นประธานเปิดหลักสูตรปริญญาตรีสายเทคโนโลยีหรือสายปฏิบัติการ
ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๖ เป็นพร้อมกันครั้งแรกทั่วประเทศ ใน   สถาบันการอาชีวศึกษา  ๔๓ วิทยาลัย  วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ วิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร   โดยมี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช  รัฐมนตรีช่วยว่าการศึกษาธิการ นายชัยพฤกษ์
เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และอาจารย์ เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

      นายพงศ์เทพ
 เทพกาญจนา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
กล่าวว่า
การเปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีของอาชีวะสอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย
และเป็นการสร้างคนรองรับโครงการต่างๆของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญให้กับภาคธุรกิจ
อุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ความต้องการบุคลากรนั้นมีหลายระดับตั้งแต่ระดับไร้ฝีมือ
ระดับกึ่งฝีมือ ระดับฝีมือ ระดับชำนาญ ดังนั้น
สอศ.จึงได้ริเริ่มเพื่อพัฒนาและยกระดับการศึกษาไปสู่ระดับปริญญาตรีสายปฏิบัติการและที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษามีสถานประกอบการได้เข้ามาร่วมจัดหลักสูตรและนำนักศึกษาไปฝึกปฏิบัติงานในสถานประกอบการ
ซึ่งในการฝึกเด็กแต่ละคนต้องใช้การลงทุนที่สูง
เมื่อจบการศึกษาก็ต้องการให้ทำงานในสถานประกอบการของตนเอง
ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องคุณภาพ
เพราะสถานประกอบการก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ได้คนที่ดีที่สุด

       นายชัยพฤกษ์
เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
  กล่าวว่า 
สอศ. ได้ทำพิธีเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรปริญญาตรีสายเทคโนโลยี หรือ
สายปฏิบัติการ เป็นครั้งแรกในปีการศึกษา ๒๕๕๖ เปิดสอนทั้งหมด ๑๖ สาขาวิชา ใน ๙สถาบัน
๔๓ วิทยาลัย รับนักศึกษาไว้ทั้งหมด ๖๖๗ คน ทั้งนี้
เพื่อตอบสนองความต้องการกำลังคนภายในประเทศ ปัจจุบันกำลังคนภายในประเทศ
แบ่งออกเป็น ๓ กลุ่มหลัก  ได้แก่
กลุ่มแรกแรงงานระดับฝีมือ คือ ผู้จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
กลุ่มที่ ๒ เป็นแรงงานระดับเทคนิค คือ
ผู้จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และประเภทที่ ๓ คือ
ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งในตลาดแรงงานปัจจุบันมีแต่ปริญญาตรีสายวิชาการ
แต่ภาคอุตสาหกรรม ต้องการแรงงานปริญญาตรีสายปฏิบัติการ เพราะฉะนั้น
จึงเป็นภารกิจที่อาชีวศึกษาต้องผลิตกำลังคนระดับปริญญาตรีสายปฏิบัติการตอบสนองกับตลาดแรงงานภายในประเทศ

  อย่างไรก็ตามการเปิดปริญญาตรีของอาชีวศึกษานั้น สอศ.ได้ให้วิทยาลัยรวมกลุ่มเข้ามาเป็นสถาบันการอาชีวศึกษาเพื่อให้มีการแชร์ทรัพยากรทางวิชาการ
ความร่วมมือร่วมกันและให้สถาบันเป็นผู้เปิดรับปริญญาตรี
ปัจจุบันวิทยาลัยอาชีวศึกษาที่มีความพร้อม ๑๖๐
วิทยาลัยได้รวมกันเป็นสถาบันการอาชีวศึกษาทั้งหมด ๑๙ สถาบันโดยใช้การรวมกลุ่มตามกลุ่มจังหวัดและมีการรวมกลุ่มวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี
เป็นสถาบันการอาชีวเกษตรอีก ๔ สถาบัน

   นักศึกษาปริญญาตรีรุ่นแรก ๖๗๗
คนนั้นส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เรียนจบ ปวส. และทำงานแต่ต้องการกลับมาเรียน ๔๐๕ คน
มีเพียง ๑๖๒ 
คนเท่านั้นที่เพิ่งจบปวส.และเรียนต่อปริญญาตรีทันที ส่วนในภาคเรียนที่ ๒
ปีการศึกษา ๒๕๕๖ จะเปิดรับรอบ ๒ อีกใน ๖ สถาบัน ๑๒ วิทยาลัย จำนวน ๒๖๐ คน
แต่ในปีการศึกษา ๒๕๕๗ นั้น สถาบันการอาชีวศึกษาทั้งหมด ๒๓สถาบันจะเปิดรับนักศึกษาทั้งหมด
๒๘ สาขาวิชา รับนักศึกษาทั้งหมด ๓,๖๐๐ คน ซึ่งนักศึกษารุ่นแรกจะจบการศึกษาในปี ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นปีแรกของการรวมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
เพราะฉะนั้นนักศึกษากลุ่มนี้จะเป็นกำลังของสำคัญของประเทศ ขณะเดียวกัน
การเปิดปริญญาตรีจะทำให้มีผู้สนใจเรียนสายอาชีพมากขึ้น
นายชัยพฤกษ์
กล่าวและว่า  ในปีเดียวกันนั้น
สอศ.จะขอเข้ารับการประเมินคุณภาพภายนอกจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
(สมศ.) เหมือนกับสถาบันอุดมศึกษาทั่วไป

     เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
กล่าวต่อว่า  สำหรับ
อัตราค่าเรียนของสถาบันการอาชีวศึกษานั้น จะต่ำกว่ามหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน  โดยขั้นต่ำอยู่ที่ ๘,๕๐๐ บาทต่อภาคเรียน
สูงสุดไม่เกิน ๑๐,๙๐๐ บาทต่อภาคเรียน  อย่างไรก็ตาม 
สอศ.ไม่ประกันโอกาสการเรียนปริญญาตรีให้กับทุกคน
เพราะยังมีข้อจำกัดในการรับอยู่
แต่ประกันว่าทุกหลักสูตรที่เปิดนั้นมีคุณภาพโดยส่วนใหญ่จะเป็นหลักสูตรเจาะลึกเฉพาะทางและเป็นหลักสูตรอิงสมรรถนะซึ่งประกันได้เลยว่าผู้ที่เรียนจบจะมีสมรรถนะ ที่สำคัญหลักสูตรปริญญาทุกหลักสูตรจะจัดการเรียนการสอนในลักษณะทวิภาคี
สถานประกอบการเข้ามาให้ความร่วมมือในการจัดทำหลักสูตร     ส่งวิทยากรมาช่วยสอน
และให้รับนักศึกษาในสถานประกอบการด้วย
ซึ่งหลักสูตรปริญญาตรีนั้นกำหนดให้นักศึกษาต้องทำงานในสถานประกอบการอย่างน้อย ๑ ปีจากเวลาเรียน
๒ ปี

อิชยา/สรุป/ภาพ

กลุ่มสารนิเทศ สอ.สป.