อบรมครูแฟชั่นสิ่งทอ ยกระดับไหมไทยสู่โลก

วันนี้ (3 ธันวาคม 2561) ณ ห้องประชุมราชวัลลภ, ม.ล.ปริยดา ดิศกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการอบรมเสวนา “เปิดประสบการณ์ครูผู้สอนสาขาวิชาแฟชั่นและสิ่งทอ” จากศูนย์แฟชั่น 5 ภาคของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 40 คน ซึ่งเดินทางมาเข้าร่วมจัดนิทรรศการมหกรรมผ้าไหม 2561 “ไหมไทยสู่เส้นทางผ้าไหมโลก” ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 2-9 ธันวาคม 2561 ณ เซ็นทรัลเวิลด์

เลขานุการ รมว.ศธ. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนได้รับเชิญให้เป็นประธานเปิดโครงการอาชีวะเปิดโลกประสบการณ์ครูผู้สอนสาขาวิชาแฟชั่นและสิ่งทอ “ผ้าไหมไทยสู่เส้นทางผ้าไหมโลก ครั้งที่ 8” ณ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและเปิดโลกทัศน์ของครูผู้สอนสาขาแฟชั่นและสิ่งทอ ให้มีความรู้ทักษะก้าวสู่ระดับสากล และเพื่อยกระดับความสามารถของครูและนักเรียนนักศึกษาอาชีวะที่จัดการเรียนการสอนสาขาวิชาแฟชั่นและสิ่งทอ ให้มีทักษะความรู้และประสบการณ์ด้านการออกแบบการตัดเย็บผ้าได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวไทยและต่างประเทศเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นอกจากการจัดนิทรรศการดังกล่าวแล้ว สอศ.ได้จัดให้มีการอบรมเสวนาครูผู้สอนแฟชั่นและสิ่งทอจากศูนย์แฟชั่น 5 ภาค ซึ่งประกอบด้วยศูนย์แฟชั่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ มาเข้ารับการอบรม เพื่อเปิดรับประสบการณ์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านแฟชั่นและสิ่งทอของไทย ซึ่งได้เชิญคุณพิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ ดีไซเนอร์ชื่อดังแห่งแบรนด์ Pichita และเป็นผู้ที่ได้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทถวายการตัดเย็บฉลองพระองค์ไทยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์​ พระบรมราชินีนาถ ใน​รัชกาลที่ 9 มาให้ความรู้และแนะนำแนวคิดในการตัดเย็บผ้าไหมของไทยเพื่อก้าวสู่สากล

คุณพิจิตรา บุณยรัตพันธุ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีผ้าไหมที่มีชื่อเสียง มีการทอผ้าไหมด้วยชาวบ้านและภูมิปัญญาไทยมาอย่างยาวนาน แต่หากต้องการให้ผ้าไหมไทยที่ตัดเย็บโดยอาชีวะออกไปสู่ตลาดโลกอย่างกว้างขวาง ต้องคำนึงถึงการตอบโจทย์ 4 ด้าน คือ 1) ศึกษา Life Style ของลูกค้าในประเทศนั้นๆ 2) สถานที่และช่วงเวลาในการนำไปขาย 3) รูปแบบการออกแบบตัดเย็บ 4) ทุกคนสามารถสวมใส่ได้และดูแลง่าย

“ก่อนจะนำไปขาย ต้องพิจารณาก่อนว่าจะขายให้ใคร ที่ไหน เมื่อไร เช่น หากขายในตลาดยุโรปจะต้องศึกษาความต้องการของชาวยุโรป ศึกษา Life Style ประชาชนในยุโรปว่าเป็นอย่างไร คำนึงถึงกาลเทศะ และช่วงเวลาของการสวมใส่เสื้อผ้าซึ่งชาวยุโรปจะเป็นไปในแนวโทนสีเดียวกัน หากเป็นสภาพอากาศช่วงฤดูร้อน (Summer) จะเน้นสีสดใส แต่ฤดูหนาวจะเน้นใส่เสื้อสีทึมลง และฝรั่งจะชอบเสื้อผ้าที่ดูแลง่าย ๆ ใส่แล้วทนทาน ผ้าไม่วาว การออกแบบต้องคำนึงการซักรีด เพราะการซักรีดในยุโรปแพงมาก ส่วนใหญ่จะใช้เครื่องซักผ้าเป็นหลัก จึงต้องเป็นผ้าที่ดูแลรักษาง่าย และเมื่อศึกษาความต้องการของลูกค้าแล้ว จึงมากำหนดการออกแบบ ตัดเย็บ และราคาขาย  หากเป็น “ผ้ามัดหมี่” ลายใหญ่มาก ๆ ใส่แล้วจะดูอ้วน หรือ “ผ้าไหมแพรวา” ที่มีลวดลายทอยาก หรือมีความประณีตในการทอสูง ก็จะมีราคาแพงมาก ถือเป็นตลาดบนได้” คุณพิจิตรา กล่าว

โอกาสนี้ สอศ.ได้จัดให้นักศึกษาอาชีวะระดับ ปวส. สาขาการออกแบบและแฟชั่นทั้ง 5 ภาค ได้ร่วมเดินแบบแฟชั่นโชว์ เพื่อนำชุดที่ออกแบบตัดเย็บเองด้วยผ้าไหมที่หลากหลายสไตล์และแตกต่างกันตามแต่ละภาค มาโชว์ในการอบรมครั้งนี้ด้วย


Written by บัลลังก์ โรหิตเสถียร
Photo Credit อานนท์ วิชานนท์
Rewriter บัลลังก์ โรหิตเสถียร
Editor บัลลังก์ โรหิตเสถียร