ศึกษาธิการ – นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหาร
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการตั้งคณะกรรมการร่วม และคณะทำงานร่วมในแต่ละ Sector ของภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญ โดย
1) การซักซ้อมให้เห็นถึงการทำงานร่วมกัน ในการมีส่วนร่วมในการผลิตกำลังคนให้เป็นไปตามความต้องการของประเทศตลอดกระบวนการ นับตั้งแต่ร่วมกันกำหนดจำนวนคนที่ต้องการ การจัดทำหลักสูตร การฝึกอบรม การฝึกงานในสถานประกอบการ และความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เตรียมการไปสำรวจและเตรียมดำเนินการต่อไป ซึ่งได้ฝากให้หอการค้าฯ หาผู้เชี่ยวชาญมาร่วมจัดทำหลักสูตรและพัฒนาบุคลากรร่วมกันให้มากขึ้น
2) ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งมหาวิทยาลัยได้รายงานให้รับทราบถึงโครงการของมหาวิทยาลัยที่ดำเนินการแล้วประสบความสำเร็จ และตรงกับความต้องการในสาขาเป็นความต้องการของประเทศ เช่น สาขาโลจิสติกส์ ที่เปิดสอนในระดับปริญญาตรี โท และเอก มากว่า 10 ปีแล้ว เป็นสาขาที่สามารถแข่งขันได้กับต่างประเทศ และขณะนี้ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่นหลายแห่ง เพื่อแลกเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอน โดยเฉพาะในเรื่องรถไฟความเร็วสูง ที่จะต้องติดตามถึงวิธีคิด วิธีบริหารจัดการของญี่ปุ่น เพื่อดูกระแสและความต้องการของผู้เรียน และให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ
นอกจากนี้ ได้รับทราบในสาขาที่มหาวิทยาลัยไปเปิดสอนในประเทศเพื่อนบ้านแล้วประสบความสำเร็จ ซึ่งสอดคล้องกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และส่งผลต่อการรับนักศึกษาเข้ามาเรียนในประเทศไทย แต่ปัญหาที่พบคือ ติดขัดกับกฎระเบียบของไทยหลายด้าน เช่น ปัญหาการต่อวีซ่าของนักศึกษาต่างชาติที่จะต้องต่อทุกๆ 6 เดือน ส่วนครูผู้สอนชาวต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบกับระเบียบกฎหมายในการขออนุญาตเข้ามาสอนและต่อวีซ่าทุก 2 ปี นอกจากนี้นักเรียนจากต่างประเทศที่ต้องการเข้ามาศึกษาต่อในไทยที่เรียนไม่ครบ 12 ปีก็ต้องไปสอบ GED (General Educational Development) ซึ่งเป็นการสอบที่เทียบเท่ากับวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายในประเทศไทยก่อน ในขณะที่นักเรียนไทยเรียน 11 ปี ก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ถือเป็นความลักลั่นสับสนกันพอสมควร
ในส่วนของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่มีความชำนาญในการสอนภาษาต่างประเทศที่สอดคล้องกับภาคการผลิต ก็จะมีความร่วมมือกันมากขึ้น โดยได้ขอให้มีการจัดเสวนาต่างๆ ร่วมกัน เพื่อร่วมพัฒนาการสอนภาษาต่างประเทศของไทยให้มีคุณภาพมากขึ้น
3) ความร่วมมือของภาคเอกชนในการจัดและสนับสนุนการศึกษา ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของ ศธ.ที่มีนโยบายเน้นการส่งเสริมให้ภาคเอกชนที่มีศักยภาพเข้ามามีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ จัดและสนับสนุนการศึกษามากขึ้น แต่ยังขาดการแลกเปลี่ยนข้อมูล จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ ศธ. เชื่อมโยงกับภาคเอกชนให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลจัดการศึกษาเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการที่ตรงกับนโยบายของ ศธ.เป็นอย่างมาก คือ หลักสูตรระยะสั้นต่างๆ ที่เปิดสอนผู้ที่อยู่ในตลาดแรงงาน เช่น การสอนภาษาอังกฤษ ซึ่ง ศธ.กำลังให้ความสนใจการสอนภาษาต่างประเทศแบบเข้มข้น ก็จะคิดโครงการร่วม ที่อาจจะให้ผู้เรียนเรียนต่อเนื่องเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ ซึ่งจะได้ผลคือจบแล้วใช้การได้ ภาคการผลิตจะได้รับประโยชน์ในหลักสูตรเช่นนี้เป็นอย่างมาก
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
สรุป/รายงาน
16/10/2556