เยาวชนคนดนตรีแจ๊สจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายมัธยม) คว้ารางวัลชนะเลิศ Jazz Big Band Competition ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากโครงการ “Thailand Jazz Competition 2018” ครั้งที่ 13 ที่สุดแห่งการประชันดนตรีแจ๊ส จัดโดย คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
นับเป็นสุดยอดของเวทีการแข่งขันดนตรีแจ๊สประเภทวง เวทีเดียวในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ กับโครงการ “Thailand Jazz Competition 2018” กิจกรรมที่ทางคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานกว่า 12 ปี โดยมุ่งหวังให้วงการดนตรีแจ๊สของคนไทยเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นการสร้างมาตรฐานดนตรีแจ๊สในประเทศไทยให้ทัดเทียมกับระดับนานาชาติ ซึ่งทางคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ให้ความสำคัญมาโดยตลอด อีกทั้งโครงการดังกล่าวฯ ยังจัดขึ้นเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่พระอัจฉริยภาพทางดนตรีแจ๊สของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อีกด้วย
ทั้งนี้ แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท คือ Jazz Ensemble Competition เป็นแข่งขันประเภทวง ที่มีสมาชิกในวง 4-7 คน และ Jazz Big Band Competition คือการแข่งขันวงใหญ่ไม่เกิน 23 คน เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนระดับชั้นมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ได้แสดงความสามารถการเล่นดนตรีแจ๊สในประเภทบิ๊กแบนด์ เพื่อยกระดับความสามารถเยาวชนคนดนตรีแจ๊สให้ทัดเทียมระดับสากล ในขณะเดียวกันยังถือเป็นช่องทางหนึ่งให้เยาวชนไทยเข้าหาดนตรีมากขึ้นอีกด้วย
อ.ประทักษ์ ใฝ่ศุภการ กรรมการวิชาการด้านดนตรี ราชบัณฑิตยสภา /กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ในฐานะคณะกรรมการตัดสิน กล่าวว่า เยาวชนที่เข้าร่วมแข่งขันในโครงการฯ โชว์ฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งพัฒนาการทางด้านการแสดงมีให้เห็นอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งการจัดการแข่งขันเพื่อเป็นเวทีให้กับผู้สนใจและนักดนตรีแจ๊สได้มีโอกาสแสดงความสามารถ เผยแพร่แนวดนตรีแจ๊สให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
อ.ประทักษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันดนตรีแจ๊สเป็นวัฒนธรรมที่ทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้ และที่สำคัญถือเป็นช่องทางหนึ่งในการพัฒนาและส่งเสริมความสามารถในการเล่นดนตรีแจ๊สได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันนี้เยาวชนไทยหันมาสนใจเรียนดนตรีเพิ่มมากขึ้น มีความกล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ ได้ฝึกการใช้สมาธิในการคิด การตัดสินใจ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อีกทั้งดนตรีแจ๊สมีส่วนช่วยในการพัฒนาอีคิวและไอคิว การฟังดนตรีแจ๊สจะช่วยเพิ่มความจำและลดระดับความเครียดลง ทำให้สมองพร้อมที่จะเปิดรับการเรียนรู้มาก เป็นจุดเริ่มต้นของ และเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ อีกด้วย
สำหรับ ผลการแข่งขันประเภท Jazz Ensemble Competition รางวัลชนะเลิศได้แก่ วงแรงแขน จากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงเรียนดุริยางค์ทหารเรือ ได้รับเกียรติบัตรและเงินรางวัล70,000 บาท, ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ วงสุดเสี่ยง จากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับเกียรติบัตรและเงินรางวัล 35,000 บาท
ขณะที่ วง Untold จากคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเกียรติบัตรและเงินรางวัล 20,000 บาท , และรางวัลชมเชย 2 รางวัล ได้แก่ วง Captain James II-V-I คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต Westlake Boys High School และวง Love You Like Blue จากคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ทั้ง 2 วงได้รับเกียรติบัตรและเงินรางวัล 5,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีการมอบรางวัลพิเศษสำหรับการแข่งขันประเภทนี้คือ รางวัล Outstanding Musician คือรางวัลนักดนตรีที่มีความสามารถโดดเด่นจำนวน 5 รางวัล ได้แก่ Outstanding Musician (Guitar) นายนายเพชรภูมิ เพชรแก้ว จากวงแรงแขน Outstanding Musician (Drums) นายธนพงษ์ อนันตกุล จากวงแรงแขน และนายรฤกชนน์ ปิยโชติสกุลชัย จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายมัธยม) Outstanding Musician (Piano) นายรอยเขียน วังเลิศ Piano จากวง Captain James II-V-I และ Outstanding Musician ( Saxophone) : นายณัฐกิตติ์ ธนพูลสวัสดิ์ จากวงสุดเสี่ยง
ส่วนประเภทที่สอง Jazz Big Band Competition เป็นการแข่งขันวงดนตรีแจ๊สขนาดใหญ่ ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา โดยจะต้องเลือกบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ 1 เพลง และ เพลงแจ๊ส 1เพลง โดยรางวัลชนะเลิศรับเงินรางวัล 100,000 บาทได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายมัธยม) ,ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท ,และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ โรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา กรุงเทพมหานคร ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท ,ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 3 ได้แก่โรงเรียนหอวัง ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท
ด้านนายกิตติภัทร ภูวะปัจฉิม และนายประพันธ์พงศ์ มณีวงษ์ อดีตนักศึกษาคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในฐานะอาจารย์ผู้ฝึกสอนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายมัธยม) และเคยเข้าร่วมแข่งขันในโครงการดังกล่าว กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการแข่งขันเปรียบเสมือนการพัฒนาตัวเองไปด้วยพร้อมพร้อมกัน เพราะทุกคนจะต้องเตรียมตัว หมั่นฝึกซ้อม เพื่อทำให้ผลงานออกมาดีที่สุด สิ่งที่ดีที่สุดที่ได้รับกลับไปคือคอมเมนต์จากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันต่างๆ
ทั้งนี้ เป็นการพัฒนาปรับปรุงในครั้งต่อไป การทำหน้าที่ผู้ควบคุมวงจะต้องสอนให้ทุกคนรู้จักการวางแผนร่วมกัน คิดในรูปแบบเดียวกัน แม้จะอยู่ในวัยและมีประสบการณ์การเล่นที่ต่างกัน เปรียบเสมือนเป็นการกระตุ้นให้ทุกคนอยากเรียนรู้ มีการแชร์ประสบการณ์แก่กันและกัน เสริมสร้างศักยภาพ มุ่งมั่นและตั้งใจสร้างสรรค์ผลงานให้ดีขึ้น เพื่อสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ เกิดการต่อยอดทางความคิด เพื่อความทัดเทียมในระดับสากล