เฮติ (Haiti) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐเฮติ (Republic of Haiti) เป็นประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาเหนือ ตั้งอยู่บน เกาะฮิสปันโยลา ในทะเลแคริบเบียน โดยมีเกาะเล็กๆ ใกล้เคียงด้วย คือ ลาโกนาฟาว์ (La Gonave) ลาตอร์ดูส (La Tortue) เลกายอมีต (Les Cayemites) อีลาวาช (Lle a Vache) ลากรองเก (La Grande Caye) และ นาวาส (Navasse) โดยประเทศเฮติแบ่งครึ่งเกาะฮิสแปนิโอลากับ “สาธารณรัฐโดมินิกัน” มีพื้นที่ 10,714 ตารางไมล์ (27,750 ตารางกิโลเมตร) มีเมืองหลงชื่อ “กรุงปอร์โตแปรงซ์ ”
อดีตเคยเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส และได้รับเอกราช เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2347 และได้ใช้ชื่อประเทศว่า “เฮติ” ซึ่งมาจากชื่อเกาะในคำอาราวักเก่าว่า อายิตี (Ayiti) โดยถือว่าเป็นประเทศเอกราชแห่งที่ 2 ในทวีปอเมริกา (รองจากสหรัฐอเมริกา) และเป็นสาธารณรัฐเอกราชของคนผิวดำแห่งแรกของโลกอีกด้วย แต่ทั้งๆ ที่เก่าแก่และมีอายุยาวนาน เฮติกลับเป็นชาติที่ยากจนที่สุดในซีกโลกตะวันตกเลยที่เดียว
สภาพภูมิประเทศ เกือบทั้งประเทศแระเทศเฮติ มีลักษณะเป็นภูเขาขรุขระ และมีสภาพภูมิอากาศ แบบร้อนชื้น ส่วนทางฝั่งตะวันออกอากาศแห้งเนื่องจากมีแนวเขาบังลมสินค้า ภายในประเทศมีทรัพยากรธรรมชาติ เช่น บอกไซต์, ทองแดง, แคลเซียมคาร์บอเนต, ทองคำ, หินอ่อน, พลังน้ำ
แต่ถึงกระนั้นเฮติก็ยังประสบกับปัญหาภัยธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งประเทศตั้งยู่ตรงกลางแนวเฮอร์ริเคน (Hurricane) จึงเกิดพายุอย่างรุนแรงช่วงเดือนมิถุนายน – ตุลาคม น้ำท่วมและแผ่นดินไหวเป็นครั้งคราว เผชิญกับภัยแห้งแล้งเป็นระยะๆ
เฮติมีจำนวนประชากร 9,035,536 คน (ค่าประมาณ เดือนกรกฏคมคม พ.ศ.2552) ประชากรในประเทศมีสัญชาติ Haitian (s) และมีเชื้อชาติ ผิวดำถึง 95% คนที่มีเชื้อสายผสมระหว่างคนผิวขาวกับนิโกร และชนผิวขาวมีเพียง 5 ช% เท่านั้น และนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาร์ทอลิกถึง 80% นิกายโปรแตสแตนท์ 16% (แบบติสต์ 10% Pentecostal 4% แอตเวนทิสต์ 1% อื่นๆ 1%) ไม่นับถือศาสนาใดๆ 1% ศาสนาอื่นๆ 3%
เมืองหลวงของเฮติชื่อ กรุงปอร์โตแปรงซ์ (Port-au-Prince) การปกครองภายในประเทศ ปกครองแบบประชาธิปไตย สาธารณรัฐ ภาษาที่ใช้คือ ภาษาฝรั่งเศสและภาษาครีโอลเฮติ
ประเทศเฮติ แบ่งการปกครองออกเป็น 10 จังหวัด (departments) ได้แก่
- จังหวัดอาร์ตีโบนีต (Artibonite)
- จังหวัดซ็องตร์ (Centre)
- จังหวัดกรองดองส์ (Grand’Anse)
- จังหวัดนีป (Nippes)
- จังหวัดนอร์ (Nord)
- จังหวัดนอร์-แอสต์ (Nord-Est)
- จังหวัดนอร์-แวสต์ (Nord-Ouest)
- จังหวัดแวสต์ (Ouest)
- จังหวัดซูด (Sud)
- จังหวัดซูด-แอสต์ (Sud-Est)
|
|
12 มกราคม พ.ศ.2553 เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเฮติ
แผ่นดินไหว
ในวันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ.2553 เวลาท้องถิ่น 16:53:09 (หรือตรงกับเช้าวันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ.2553 เวลา 04.53 นาฬิกา ตามเวลาประเทศไทย) ก็ได้เกิดแผ่นดินไหวในเฮติที่มีความรุนแรง 7.0 ตามมาตราริกเตอร์ โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของประเทศไปราว 25 กิโลเมตร (หรือ 16 ไมล์) ซึ่งนับเป็นเหตุแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบ 200 ปี
แผ่นดินไหวเกิดขึ้นที่ความลึก 13 กิโลเมตร องค์กรสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา (The United States Geological Survey) ได้ตรวจสอบบันทึกและพบอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีก 14 ครั้ง ซึ่งมีความแรงอยู่ที่ประมาณ 7.0 ริกเตอร์ หน่วยงานกาชาดสากลได้กล่าวว่ามีคนกว่า 3 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ และมีคนเสียชีวิตกว่า 500,000 คน ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ เป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างต่างๆ ถล่มเป็นซากปรักหักพังนับไม่ถ้วน ซึ่งรวมถึงทำเนียบประธานาธิบดีที่พังถล่มลงมาด้วย
ความเสียหาย
แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง เช่น อาคารบ้านเรือนพังพินาศจำนวนมาก รวมทั้งทำเนียบประธานาธิบดี, อาคารรัฐสภา, กระทรวงการคลัง, กระทรวงแรงงาน, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงวัฒนธรรม, สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ, อาคารสถานทูต, โรงเรียน, โรงแรมและโรงพยาบาล ที่พังถล่มลงมาทับผู้คน รวมถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่เสียหายอย่างหนัก โดยนายปัน กีมุน เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่า “แผ่นดินไหวที่เฮติถือเป็นหายนะครั้งรุนแรงที่สุดเท่าที่องค์กรนานาชาติเคยประสบมา
การช่วยเหลือ
ด้านความช่วยเหลือจากนานาชาติ หลายๆ ประเทศได้ให้การช่วยเหลือต่างๆ โดยแต่ละประเทศที่เข้าช่วยเหลือเฮติในครั้งนี้ ต่างก็เร่งระดมเงินและลำเลียงสิ่งของและอุปกรณ์ช่วยเหลือมาทางเครื่องบิน แต่ต้องประสบปัญหาการบินขึ้นลง เพราะสนามบินกรุงปอร์โตแปรงซ์ มีขนาดเล็ก อีกทั้งการลำเลียงของลงจากเครื่องเป็นไปอย่างล่าช้า เที่ยวบินช่วยเหลือหลายลำต้องบินวนนานกว่า 2 ชม.กว่าจึงจะลงจอดได้ ขณะเดียวกัน ถนนหนทางบางแห่งได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว และมีซากปรักหักพังของอาคารบ้านเรือนหล่นมากีดขวางเส้นทาง
ความช่วยเหลือจากนานาชาติ ในขณะนี้ มีทั้งความช่วยเหลือจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และส่วนบุคคลจำนวนมากหลั่งไหลเข้าช่วยชาวเฮติ
แหล่งที่มา : https://www.myfirstbrain.com/Knowledge_View.aspx?Id=76180