
จังหวัดนครนายก 3 กันยายน 2566 / สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) จัดกิจกรรมเสวนา “แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์จากพี่สู่น้อง” นำโดยนายสุทิน แก้วพนา รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, นายศัจธร วัฒนะมงคล ศึกษาธิการภาค 1, นางสาวเจริญวรรณ หนูนาค ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ, นายปราโมทย์ ด้วงอิ่ม ผอ.สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และนางสาวญาณิศร์ ศรีมาวิน ผอ.กลุ่มอาคารสถานที่และยานพาหนะ สอ.สป. ในโครงการเสริมสร้างความผูกพันของบุคลากรสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ณ โรงแรมอิงธาร รีสอร์ท อำเภอเมืองนครนายก
การเสวนาครั้งนี้ มีผู้บริหาร สป.ศธ. เข้าร่วม อาทิ นายยศพล เวณุโกเศศ รองปลัด ศธ., ผู้ตรวจราชการ ศธ., ศึกษาธิการภาค/จังหวัด รวมทั้งผู้บริหารและข้าราชการทุกสำนัก/กอง ในสังกัด

นายสุทิน แก้วพนา รองปลัด ศธ. กล่าวว่า การสร้างบรรยากาศหรือวัฒนธรรมองค์กรที่ดี เป็นเรื่องสำคัญ หากเราทำงานภายใต้บรรยากาศองค์กรที่ดี และเพื่อนร่วมงานที่ดี ถึงแม้จะมีปัญหาอุปสรรคเราก็จะสามารถขับเคลื่อนงานให้เดินต่อไปได้
โดยส่วนตัวในฐานะที่ได้มีโอกาสกำกับดูแลงานลูกเสือ ก็ได้ยึดเอาคติพจน์ของลูกเสือมาใช้ในการทำงาน ได้แก่ ลูกเสือสำรอง “ทำดีที่สุด”, ลูกเสือสามัญ “จงเตรียมพร้อม”, ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ “มองไกล” และลูกเสือวิสามัญ “บริการ” ซึ่งคติพจน์ทั้งหมดนี้หากนำมาใช้ในการทำงานจะเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของผู้ปฏิบัติงาน จะช่วยส่งเสริมให้บรรลุถึงความสำเร็จ ตามที่ได้รับมอบหมาย และได้รับความเชื่อถือจากผู้บังคับบัญชา
รวมถึงการจะก้าวหน้าเติบโตในชีวิตข้าราชการนั้นการเตรียมพร้อมเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งในเรื่องของความรู้ตามตำแหน่งหน้าที่ ขณะเดียวกันก็ต้องดูความเชื่อมโยงของงานที่รับผิดชอบว่ามีขอบเขตเท่าใด ต้องเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด เพราะปัจจุบันการเรียนรู้แบบบูรณาการคือกุญแจสำคัญ ถ้าเรารู้เพียงสิ่งเดียวเราจะเจอกับปัญหาอุปสรรค มากมาย ขณะที่ปัจจุบันการเรียนรู้ขวนขวายสามารถทำได้ง่ายแล้ว เราจึงควรมีความรอบรู้ไปพร้อมกับการทำงาน
ส่วนการมองไกลเป็นการวางเป้าหมายของชีวิตในระยะยาว วางแผนว่าจะเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง มีวิสัยทัศน์เป็นของตนเอง เป็นการวางเส้นทางเดินชีวิตไปพร้อมกับการวางแผน เพราะผู้ที่จะเดินเข้ามาสู่ตำแหน่งสำคัญได้จะต้องมีความพร้อม ต้องมีความรู้ทักษะความเชี่ยวชาญหลายด้าน และที่สำคัญคือมีประสบการณ์ที่ดี ซึ่งเมื่อมีผู้หยิบยื่นโอกาสให้แล้ว เราต้องไขว่คว้า และทำอย่างเต็มความสามารถให้ดีที่สุด
ในขณะที่นายศัจธร วัฒนะมงคล ศึกษาธิการภาค 1, นางสาวเจริญวรรณ หนูนาค ผู้ตรวจราชการ ศธ., นายปราโมทย์ ด้วงอิ่ม ผอ.สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และนางสาวญาณิศร์ ศรีมาวิน ผอ.กลุ่มอาคารสถานที่และยานพาหนะ สอ.สป. ได้เล่าถึงประสบการณ์ แนวทาง หลักการทำงานที่ผ่านมาในชีวิตราชการให้แก่ข้าราชการและบุคลากรผู้เข้าร่วมโครงการได้รับทราบ และนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติในการทำงานราชการให้มีประสิทธิภาพต่อไป














หลังการเสวนา คณะผู้เข้าร่วมโครงการได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์ อำเภอเมืองนครนายก ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสังกัดกรมศิลปากร แต่เดิมนั้นคือพิพิธภัณฑ์เขื่อนขุนด่านปราการชล ที่ก่อตั้งขึ้นจากแนวพระราชดําริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต่อมาพิพิธภัณฑ์มีสภาพทรุดโทรม สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ (กปร.) และกรมศิลปากร ได้ดำเนินการปรับปรุงอาคารและการจัดแสดงภายใน
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2564 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานนามพิพิธภัณฑ์ใหม่ว่า “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์” มีความหมายว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจําจังหวัดนครนายก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พัฒนาการชลประทานของจังหวัด
ปัจจุบันพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์ แบ่งนิทรรศการออกเป็น 4 ส่วน ตามอาคารจัดแสดง 4 อาคาร ได้แก่ อาคาร 1 ปฐมบทการสร้างเขื่อนขุนด่าน อาคาร 2 อดีตชลประทานถึงเขื่อนขุนด่านปราการชล อาคาร 3 พระบารมีปกเกล้าชาวนครนายก อาคาร 4 น้อมสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ













กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ