นครราชสีมา – 5 ตุลาคม 2568 /ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับคณะ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และ ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนมัธยมด่านขุนทด และโรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย โดยได้มอบสิ่งของเพื่อช่วยเหลือนักเรียน ผู้ปกครอง และประชาชน ก่อนเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานนักเรียน ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix it Center) ในช่วงเช้า ณ โรงเรียนมัธยมด่านขุนทด
และเดินทางไปวิทยาเทคนิคหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อประชุมรับฟังปัญหาข้อเสนอแนะ และเสียงสะท้อนจากครูและผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้กว่า 500 คน โดย รมว.ศธ.ในการประชุมว่า
วันนี้มารับฟังเสียงสะท้อน ในหลายปัญหาที่กำลังพยายามเร่งแก้ไข ในเรื่องของการประเมินวิทยฐานะที่เหมาะสมและควรจะได้ ช่วยกันสนับสนุนให้เป็นบันไดให้ครูรุ่นน้อง ได้มีวิทยฐานะที่สูงขึ้น การประเมินผลงานเชิงประจักษ์อย่างเป็นธรรมที่สุด กระทรวงศึกษาของเราจะได้สูงขึ้นด้วยกันทั้งหมด และยังส่งผลไปถึงนักเรียนด้วย อีกประการหนึ่งที่รองนายกรัฐมนตรีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้เน้นย้ำคือ สวัสดิการบ้านพักครูซึงมีในทุก ๆ พื้นที่ของประเทศไทย จึงขอให้มั่นใจว่าเราจะดำเนินการให้เป็นรูปธรรมให้ได้ โดยปัญหาที่ผ่านมา เกิดจากการจัดสรรงบที่ไปเน้นที่รายหัวของเด็ก จนลืมสภาพความเป็นอยู่ของครู
ทั้งที่ครูเปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สองของเด็ก จากนี้ไปภายใต้การดูแลของท่านรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการชุดนี้จะขอดูแลสวัสดิการของครูอย่างเต็มที่ เราทุกคนไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือกระทรวงศึกษาธิการก็ตาม เราคือครอบครัวเดียวกัน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรองนายกรัฐมนตรีคนเดียวกัน และอึกเรื่องหนึ่งที่ต้องให้การใส่ใจ คือ ได้รับเสียงสะท้อนมาว่า ต้องการให้มีนักจิตวิทยาลงไปสู่พื้นที่โรงเรียนเพื่อดูแลสภาพจิตใจครูและเด็ก ซึ่งได้มีการประสานทางกรมสุขภาพจิตกับหน่วยงานเกี่ยวข้องไว้แล้ว
จากนั้น ได้เปิดโอกาสรับฟังปัญหาข้อเสนอแนะและเสียงสะท้อน พบว่า การจัดสรรงบประมาณของโรงเรียนขนาดเล็กที่นับจำนวนรายหัวที่น้อย จึงเป็นข้อจำกัดของการพัฒนาที่น้อยตามไปด้วย ทั้งนี้ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ชี้แจงถึงกรอบการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว ซึ่งทุกอย่างมีหลักเกณฑ์และต้องเป็นไปตามข้อกำหนด
ภายหลังจากการประชุม รมว.ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า
“เรื่องแก้ปัญหาหนี้สินครูได้หารือร่วมกับ สกสค.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยให้ สกสค.สามารถจัดตั้งสหกรณ์กลางได้ และบรรจุเข้าวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อเวียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลักการก็คือเราต้องการที่จะขอมติที่ประชุม เพื่อที่จะขอความร่วมมือ ธกส. ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยอัตราพิเศษ ไม่ว่าครูที่เป็นหนี้ตามสหกรณ์กับออมทรัพย์ครูทั้งหลาย ให้โอนหนี้และย้ายการเป็นสมาชิกมาเป็นสมาชิกของสหกรณ์กลาง โดยตั้งดอกเบี้ยแรกก็จะเป็น 0% ต่อปี ปีต่อไป 1% 2% 3% ตามลำดับ และจบที่ 4% แต่จะมีเงื่อนไขว่าจะไม่ก่อหนี้เพิ่มอีก โดยเราจะจะเริ่มต้นที่หนึ่งแสนล้านบาทแรก เมื่อมติอนุมัติก็จะดำเนินการจัดตั้งและเตรียมความพร้อมเพื่อประสานงานกับ ธกส และสำนักงบประมาณ
เรื่องบ้านพักครูที่ทรุดโทรม ได้มอบให้กับ สพฐ.และขอความร่วมมือกับการเคหะแห่งชาติ ประสานงานกับ ธกส.และสำนักงบประมาณ ด้วยงบประมาณผูกพัน ด้วยรูปแบบชดเชยเงินคืนให้กับการเคหะแห่งชาติ โดยหาแหล่งเงินมาร่วมในการลงทุนซ่อมแซมบ้านพักครู ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะตั้งงบคืนให้ในปีถัดไป คล้ายกับการเช่าซื้อรถยนต์ คือหาแหล่งเงินให้มาลงทุนก่อน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ ขณะเดียวกันก็จะบรรจุเรื่องนี้เข้าไปใน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2570
เรื่องในระบบโยกย้ายครู ที่มีการร้องเรียนมาหลายที่ ได้มีการพิจารณาร่วมกันกับ สพฐ. และ สอศ.ว่าจะมีการปรับให้ครอบคลุมกับความต้องการย้ายได้ต่อเนื่อง และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สามารถจะให้ครูกลับคืนถิ่นได้ กลับบ้านได้มากที่สุด แต่หากพบว่ามีหลักฐานในการเรียกรับเงินหรือทุจริตกรณีการโยกย้ายในพื้นที่ใด ก็จะดำเนินการไม่ว่าทางวินัยหรือทางอาญาอย่างเด็ดขาด เราไม่ได้เข้ามาบริหารจากการลงทุนใด ๆ จึง ขอประกาศไว้เลยว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่มีการทุจริตในเรื่องของการโยกย้ายแน่นอน”
ช่วงบ่ายในวันเดียวกัน ได้ลงพื้นที่ ณ โรงเรียนห้วยแแถลงพิทยา เพื่อตรวจเยี่ยมสถานศึกษาและพบปะประชาชน โดยมี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (นายสุรศักดิ์ อินศรีไกร) รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา (นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา) นำคณะบุคลากรในพื้นที่ให้การต้อนรับ ประกอบด้วย ท่านหัวหน้าส่วนราชการ คณะครู บุคลากรทางการศึกษา ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา หรือ “เมืองย่าโม” แห่งนี้ เป็นจังหวัดใหญ่ที่มีประชากรจำนวนมากมีสถานศึกษาในทุกระดับชั้น ทั้งภาครัฐและเอกชน ครอบคลุมพื้นที่อำเภอทั้ง 32 แห่ง มีสถานศึกษาทุกสังกัด จำนวน 1,768 แห่ง ผู้เรียน จำนวน 482,659 คน การพัฒนาคุณภาพการศึกษาในพื้นที่จึงมีความสำคัญต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน