เศษยางจากโรงงานรองเท้าไม่สิ้นประโยชน์นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสยามปิ๊งไอเดียนำมาใช้ผสมทำอิฐบล็อกรุ่นใหม่ ชูคุณสมบัติเด่นกันน้ำดีเยี่ยมเหมาะก่อกำแพงกันน้ำท่วม
นายศิริชัย ขำสุวรรณ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานวิจัยศึกษาการใช้ผงยางพาราสำหรับอุตสาหกรรมอิฐบล็อกประสาน กล่าวว่า อิฐบล็อกสูตรผสมยางพารามีต้นทุนต่ำกว่าอิฐบล็อกทั่วไป 3-5% และช่วยลดปัญหามลพิษจากการกำจัดเศษยางด้วย
“อิฐบล็อกประสานทั่วไปใช้ดินลูกรังเป็นส่วนประกอบหลัก ราคาขายในท้องตลาดอยู่ที่ 9 บาทต่อก้อน หากปรับมาใช้สูตรผสมผงยางพารา 3 แบบ ในอัตราส่วน 5%, 10% และ 15% สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ 3-5% ราคาจะเหลือก้อนละ 7-8 บาท” นายศิริชัย กล่าว
นอกจากนี้อิฐบล็อกสูตรผสมยางพารายังมีคุณสมบัติดูดซึมน้ำน้อยกว่าอิฐจากดินลูกรัง ทำให้สามารถป้องกันน้ำได้ดีกว่า 10% เหมาะนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นกำแพงกันน้ำท่วมแทนกระสอบทราย
“ผงยางพาราเป็นของเหลือทิ้งในอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมรองเท้ามีผงยางพาราเหลือทิ้ง 3-4 กิโลกรัมต่อวันต่อผู้ประกอบการ หากเป็นอุตสาหกรรมยางรถยนต์จะมีปริมาณที่มากกว่า การกำจัดผงยางพาราเหล่านี้ โดยมากนำไปถมที่ ซึ่งอาจก่อปัญหามลภาวะในอนาคต เนื่องจากย่อยสลายยาก การนำของเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมมาใช้ จึงเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มที่ดี” นายศิริชัย ย้ำ
อย่างไรก็ดีอิฐผสมผงยางพารายังมีความแข็งแกร่ง และรองรับน้ำหนักได้น้อยกว่าอิฐบล็อกในท้องตลาด แต่ยังสูงกว่าค่ามาตรฐานที่มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) กำหนดไว้ ส่วนคุณสมบัติรับแรงดึงไม่ต่างจากอิฐดินลูกรัง
นอกจากนี้ทีมวิจัยยังดำเนินการศึกษาสูตรผสมอิฐบล็อกโดยใช้ดินตะกอนจากการขุดคลองชลประทานที่เหลือทิ้งมาใช้แทนดินลูกรังเช่นกัน เพื่อวัดประสิทธิภาพการอุ้มน้ำ จากการทดสอบเปรียบเทียบพบว่า อิฐจากดินตะกอนมีประสิทธิภาพดีกว่าอิฐจากดินลูกรัง ทั้งในด้านของการรับน้ำหนักและการดูดซึมน้ำ ใช้กันเขื่อนดีกว่ากระสอบทราย แต่ต้องศึกษาเพิ่มในด้านการซึมผ่านรอยต่อระหว่างอิฐแต่ละก้อน คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนเมษายนนี้
การศึกษาการใช้ผงยางพาราสำหรับอุตสาหกรรมอิฐบล็อกประสานเป็น 1 ในโครงการให้ทุนสนับสนุนโครงงานอุตสาหกรรมสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี (IRPUS)
ที่มา: http://www.komchadluek.net
