ซึ่งจากการหารือข้อราชการ โดยทั้งสองประเทศได้แสดงความเห็นร่วมกัน ฟินแลนด์ได้แสดงความสำคัญถึงการอาชีวศึกษาและการศึกษาตลอดชีวิต ซึ่งแนวคิดหลักของการศึกษาตลอดชีวิตของฟินแลนด์คือการปรับหลักสูตรให้เข้ากับโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเน้นให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวได้ตลอดเวลา โดยไม่จำกัดอยู่แต่ในห้องเรียน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสาธารณรัฐฟินแลนด์ กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในอดีตที่ “การศึกษามุ่งเน้นการทำคะแนนและอันดับ แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเน้นความสุขและอิสระในการเรียน เป้าหมายคือการให้ผู้เรียนที่เรียนจบแล้วสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ โดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันกับใคร” ซึ่งฟินแลนด์ยินดีที่จะร่วมมือกับประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างมีความสุขและลดความกดดันเรื่องการแข่งขัน
พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) นายสุเทพ แก่งสันเทียะปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวต้อนรับและปราศรัยในพิธีร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสาธารณรัฐฟินแลนด์ ในการลงนาม MOU ครั้งนี้ ซึ่งเป็นการลงนามระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาของไทย กับ Omnia Education Partnerships Ltd. และ Tavastia Edu Ltd. ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายด้านการศึกษาชั้นนำของฟินแลนด์ โดย นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการของไทย ในลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ดังกล่าว เพื่อพัฒนา 3 สาขาหลัก ได้แก่ (1) เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ (Automation) (2) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) และอุตสาหกรรมบริการ (Hospitality) เพื่อพัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษา ทักษะวิชาชีพ และ (3) ความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและภาคอุตสาหกรรม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสาธารณรัฐฟินแลนด์ พร้อมด้วยคณะ และคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการและผู้เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ณ ห้องประชุมราชวัลลภ อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ
โดยปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาเชิงเข้มข้นตั้งแต่ปฐมวัยจนถึงผู้สูงอายุ เพื่อสร้างพื้นฐานการเรียนรู้ที่ยั่งยืน หรือที่เรียกว่าการศึกษาตลอดชีวิต ประเทศฟินแลนด์ได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีความสุขและมีระบบการศึกษา การคมนาคม มีระบบไอที และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยรองรับการพัฒนาประชากรไปพร้อมกับการพัฒนาการศึกษาเพื่อรับมือสังคมสูงวัยได้
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “ไทยเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีและต้องการนำเทคโนโลยีของฟินแลนด์มาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของประเทศ ซึ่งทั้งสองประเทศต่างเผชิญกับปัญหาที่สำคัญคือ สังคมผู้สูงอายุและจำนวนประชากรที่ลดลง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพสูงขึ้นและมีศักยภาพ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาทดแทนจำนวนประชากรที่ลดลง”
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจว่า “การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีในการแลกเปลี่ยนความรู้ พัฒนาการศึกษาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และเสริมความร่วมมือระหว่างไทย-ฟินแลนด์ ซึ่งฟินแลนด์ได้แนะนำให้จัดการศึกษาเชิงเข้มข้นตั้งแต่ปฐมวัยจนถึงผู้สูงวัย โดยการขับเคลื่อนด้านการศึกษาของไทยได้มุ่งเน้นหลักสูตรเทคโนโลยีที่อาชีวะเปิดสอน ได้แก่ โทรคมนาคม การท่องเที่ยว ไอที และเทคโนโลยี และความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นการบูรณาการหลักสูตร มีการแลกเปลี่ยนเด็กและครู และนำแนวทางการเรียนรู้ที่ทันสมัยมาปรับใช้ในบริบทของไทย เป้าหมายคือ การสร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย สนับสนุนทักษะอาชีวะ และเตรียมบุคลากรคุณภาพสำหรับอนาคต”
ในโอกาสนี้ นายอานเดอร์ส อัดเลอร์เคริทซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการฟินแลนด์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
ในโอกาสนี้ นายอานเดอร์ส อัดเลอร์เคริทซ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการฟินแลนด์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
“เรามีความร่วมมือที่ดีต่อกันมาเป็นเวลาสองสามปีแล้ว หลังจากที่ได้ลงนามความร่วมมือระหว่างกันในปี พ.ศ. 2565 ซึ่งความร่วมมือที่เกิดขึ้น ฝ่ายไทยได้เสนอ 8 โครงการ และได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมบ้างแล้ว
ซึ่งมีครูอาจารย์จากประเทศไทยได้ไปเยือนที่ฟินแลนด์ โครงการ ODOS ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และมีนักเรียนไทยไปเข้าร่วมแคมป์ที่ฟินแลนด์ กว่า 100 คน ประมาณ 6 สัปดาห์ และครึ่งหนึ่งจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยที่ผมเคยเรียน ซึ่งผมมีความสุขมาก และการบันทึก MOU ครั้งนี้ เป็นการลงนามระหว่างหน่วยงานของฟินแลนด์กับหน่วยงานอาชีวะของไทย ซึ่งฟินแลนด์ได้ให้ความสำคัญกับการอาชีวศึกษามาก รวมทั้งการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะสังคมของเราตอนนี้อยู่ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจำเป็นต้องตามให้ทัน ต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเราเติบโตในสายงานเรามากเท่าไร เรายิ่งจำเป็นต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองยิ่งขึ้น และเป็นคติของคนฟินแลนด์และการศึกษาของฟินแลนด์มานานแล้ว เรามีความยินดีที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับประเทศไทย”
ทั้งนี้ มีคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วย นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นายวีระ แข็งกสิการ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายศุภชัย จันปุ่ม รองเลขาธิการสภาการศึกษา นางยุพิน บัวคอม รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ผู้แทนองค์กรหลัก และเจ้าหน้าที่สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สป. เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ด้วย
สุกัญญา จันทรสมโภชน์ /ปวีณา ดาคำ : ข่าว – กราฟิก
ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า /ที่
สำนักงานความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาการ : ข้อมูล – แปลภาษา
ภาพเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/share/p/17meYmnQqf/?mibextid=wwXIfr
