ผลประชุม กช.

ศึกษาธิการ – นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ครั้งที่ 2/2557 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2557 โดยมีนายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ร่วมประชุม ที่ห้องประชุมราชวัลลภ

@ รับทราบข้อมูลการประเมินผล “ปีการศึกษา 2556 ปีแห่งการเพิ่มคุณภาพการศึกษาเอกชน”

ที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลประเมินผล จากการที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ประกาศนโยบาย “ปีการศึกษา 2556 ปีแห่งการเพิ่มคุณภาพการศึกษาเอกชน” โดยร่วมกับโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ พัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อกระตุ้นให้ผู้ปกครองเกิดความเชื่อมั่นต่อโรงเรียนเอกชน พร้อมทั้งได้ประเมินผลตามตัวชี้วัดของนโยบายเมื่อสิ้นปีการศึกษา 2556 โดยจัดส่งแบบประเมินผลให้ สพป.เขต 1 และ สช.จังหวัด ประเมินผลแต่ละจังหวัด โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจ อาทิ

ข้อมูลการประเมินผลคุณภาพการสอนในวิชาต่างๆ
– ภาษาอังกฤษ อยู่ในระหว่างการประเมินผลภาพรวมทั้งประเทศ ซึ่งจะเสร็จสิ้นในเดือนพฤษภาคม 2557
– ภาษาไทย นักเรียนเอกชนชั้น ป.3 ร้อยละ 98.22 มีคุณภาพการอ่านออกเสียงระดับดีและพอใช้
– คณิตศาสตร์ ค่าเฉลี่ยคะแนนการทดสอบ O-Net ป.6/ม.3/ม.6 ปีการศึกษา 2556 สูงกว่าค่าคะแนนเฉลี่ยทั่วประเทศ โดยค่าเฉลี่ยผลสอบ ป.6/ม.3/ม.6 ทั่วประเทศ เป็น 41.95/25.45/20.48 ตามลำดับ ในขณะที่ค่าเฉลี่ยผลสอบ สช.เป็น 49.03/25.72/20.9 ตามลำดับ ซึ่งถือว่ามากกว่าทุกชั้นปี

  • ข้อมูลการประเมินผลคุณภาพโรงเรียนอาชีวศึกษา 225 โรง  พบว่าผ่านการทดสอบมาตรฐานวิชาชีพในระดับต่างๆ ระดับดีมาก จำนวน 156 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 69.33 ในขณะที่มีจำนวนโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชนที่ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วนหรือได้คะแนนประเมินต่ำกว่าร้อยละ 50 จำนวน 14 แห่ง หรือร้อยละ 6.22
  • ข้อมูลการมีงานทำผู้สำเร็จอาชีวศึกษาเอกชน  โดยสำรวจผู้สำเร็จการศึกษาระดับ ปวช./ปวส.ปีการศึกษา 2554 จำนวนทั้งสิ้น 48,057 คน พบว่ามีงานทำแล้ว 11,324 คนหรือคิดเป็นร้อยละ 25.19, ประกอบอาชีพอิสระ 5,944 คนหรือร้อยละ 13.22 และศึกษาต่อ 27,691 คนหรือร้อยละ 61.59
  • ข้อมูลการประเมินผลคุณภาพโรงเรียนนานาชาติ  จำนวนทั้งสิ้น 97 แห่ง แยกเป็นโรงเรียนในกรุงเทพฯ 52 แห่ง และภูมิภาค 45 แห่ง พบว่าได้รับการรับรองจากสถาบันที่รับรองมาตรฐานสากลแล้วจำนวนทั้งสิ้น 69 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 71.13
  • ข้อมูลการประเมินผลคุณภาพโรงเรียนนอกระบบ  ในปีการศึกษา 2552-2556 มีสถานศึกษาที่ผ่านการประเมินคุณภาพแล้วจำนวนทั้งสิ้น 1,345 แห่ง
  • @ เห็นชอบร่างกฎกระทรวง การขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบ การกำหนดรายการ และการขอเปลี่ยนแปลงรายการในตราสารจัดตั้ง และการกำหนดขนาดที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนในระบบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….

    ที่ประชุมเห็นชอบร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าสมควรปรับปรุงกฎกระทรวงเดิม ซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2555 ให้เกิดความชัดเจน กรณีการใช้ที่ดินในการจัดตั้งโรงเรียน การขอขยายความจุสูงสุดของนักเรียนในโรงเรียนแต่ละประเภท และเพื่อให้การดำเนินงานส่งเสริมการศึกษาเอกชนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญที่ได้มีการแก้ไข/เพิ่มเติมจากประกาศฉบับเดิม ได้แก่

    • ให้ยกเลิกความในข้อ 16 และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน   “ข้อ 16 ที่ดินที่ใช้จัดตั้งโรงเรียนในระบบประเภทนานาติ ต้องมีขนาดที่ดิน ดังต่อไปนี้ (1) ระดับก่อนประถมศึกษา ต้องมีขนาดที่ดินไม่น้อยกว่า 1 ไร่ (2) ระดับประถมศึกษา ต้องมีขนาดที่ดินไม่น้อยกว่า 2 ไร่ (3) ระดับมัธยมศึกษา ต้องมีขนาดที่ดินไม่น้อยกว่า 2 ไร่ ถ้าเปิดสอนตั้งแต่ระดับก่อนประถมศึกษา ถึงระดับมัธยมศึกษา ต้องมีขนาดที่ดินไม่น้อยกว่า 5 ไร่”

    • ให้ยกเลิกความในข้อ 25 และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน   “ข้อ 25 การคำนวณความจุสูงสุดของนักเรียนในโรงเรียนแต่ละประเภท มีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) โรงเรียนในระบบประเภทสามัญ ให้คำนวณความจุนักเรียนห้าคน ต่อพื้นที่ 8 ตารางเมตร พื้นที่ที่ใช้ในการคำนวณความจุของนักเรียนทั้งโรงเรียนคำนวณจากขนาดที่ดินของโรงเรียน โดยความจุสูงสุดต้องไม่เกินห้าพันคน (2) โรงเรียนในระบบประเภทอาชีวศึกษา ให้คำนวณความจุนักเรียนห้าคน ต่อพื้นที่ 8 ตารางเมตร พื้นที่ที่ใช้ในการคำนวณความจุของนักเรียนทั้งโรงเรียนคำนวณจากขนาดที่ดินของโรงเรียน โดยความจุสูงสุดของนักเรียนรอบเช้าและรอบบ่ายต้องไม่เกินรอบละห้าพันคน (3) รงเรียนในระบบประเภทนานาชาติ ให้คำนวณจากจำนวนห้องเรียนและระดับชั้นเรียนที่เปิดสอน  การขอขยายความจุสูงสุดของนักเรียนตาม (1) เกินห้าพันคน หรือการขอขยายความจุของนักเรียนตาม (2) ในแต่ละรอบเกินห้าพันคน ให้เสนอเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเป็นผู้พิจารณาอนุญาต”

    @ แนวทางการปรับเพิ่มเพดานค่าธรรมเนียมการศึกษาโรงเรียนเอกชน

    จากการที่ สช.ได้ศึกษาและวิเคราะห์แนวทางการปรับเพดานค่าธรรมเนียมการศึกษาของโรงเรียนเอกชนแล้ว เห็นว่า พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชนฯ มาตารา 32 บัญญัติว่า “การกำหนด ค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นของโรงเรียนในระบบ ให้คำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการการศึกษา ค่าตอบแทนครูที่มีความรู้ และความสามารถที่ดี และค่าใช้จ่ายอื่นซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการขยาย กิจการและผลตอบแทน ค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่นตามวรรคหนึ่ง ให้ประกาศไว้ในที่เปิดเผยในโรงเรียนในระบบ และโรงเรียนในระบบ จะเรียกเก็บเงินอื่นใดจากผู้ปกครองหรือนักเรียนนอกจากที่กำหนด ตามวรรคหนึ่งไม่ได้”

    นอกจากนี้ มติ ครม.เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2545 ได้มีมติเห็นชอบให้โรงเรียนเอกชนได้รับเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐานในอัตราเท่ากับผลการคำนวณของ ศธ. (อัตราเท่ากับนักเรียนภาครัฐ) และสมทบเงินเดือนครูเฉลี่ยต่อหัวนักเรียน (คำนวณจากฐานเงินเดือนครูที่โรงเรียนเอกชนจ่ายให้ครู) โดยโรงเรียนเอกชนที่รับการอุดหนุนสามารถเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้เรียนได้ไม่เกินอัตราค่าใช้จ่ายต่อหัวภาครัฐ ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กำหนด ดังนั้น สช. จึงเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาแนวทางการปรับเพิ่มเพดานค่าธรรมเนียม

    ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบแนวทางการใช้อัตราค่าใช้จ่ายรายหัวสำหรับการอุดหนุนโรงเรียนเอกชนตามที่ สกศ. รวบรวม/สังเคราะห์จากผลการวิจัย ซึ่งเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2553 และปรับเพิ่มตามอัตราเงินเฟ้อถึงปี 2557 โดยเมื่อคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนให้ความเห็นชอบ สช. สามารถประกาศให้โรงเรียนกำหนดเพดานค่าธรรมเนียมการศึกษาตามตารางต่อไป สำหรับโรงเรียนเอกชนการกุศลซึ่งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22  ตุลาคม 2539 กำหนดให้การอุดหนุนรายบุคคลนักเรียนในอัตราร้อยละ 100 ของค่าใช้จ่ายรายบุคคลนักเรียนภาครัฐ จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นปีละ 1,517.47 ล้านบาท (นักเรียน 398,486 คน)

    @ เห็นชอบร่างคำสั่งคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบเพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษาสำหรับโรงเรียนในระบบ

    ที่ประชุมเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะอนุกรรมการกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ เพื่อประโยชน์ในการจัดการศึกษาสำหรับโรงเรียนในระบบ จำนวน 5 ท่าน จากกรรมการทั้งสิ้น 15 ท่าน ซึ่งมีเลขาธิการ กช.เป็นประธานอนุกรรมการ คือ

    1. นายปฐมพงศ์  ศุภเลิศ   ครูโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา จ.พระนครศรีอยุธยา
    2. นายประพันธ์  ทรรศนียากร 
     ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา จ.เชียงราย
    3. นายนิวัฒน์  มั่นศิลป์   
    ผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนมารีย์วิทยา  จ.นครสวรรค์
    4. นางภัทรา  ศิริชัย
     ข้าราชการบำนาญ สช.
    5. นายสุดใจ จิระสมประเสริฐ
     ข้าราชการบำนาญ สช.

    @ เห็นชอบร่างคำสั่งคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ เพื่อประโยชน์ในการ สงเคราะห์สำหรับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้

    ที่ประชุมเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะอนุกรรมการกองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ เพื่อประโยชน์ในการสงเคราะห์สำหรับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ จำนวน 4 ท่าน จากกรรมการทั้งสิ้น 14 ท่าน ซึ่งมีเลขาธิการ กช.เป็นประธานอนุกรรมการ คือ

    1. นายสุชล เส็นบัตร   ผู้รับใบอนุญาต รร.ศาสนวิทยามูลนิธิ จ.พัทลุง
    2. นายอุเส็น ดาโหะ
      ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ปรึกษาสมาคม รร.เอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้
    3. นางสุจิตรา ดารามิตร
      ข้าราชการบำนาญ สช.
    4. นายอาทร ทองสวัสดิ์
      ข้าราชการบำนาญ สช.

    นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบร่างระเบียบ กช.ว่าด้วยการวางระบบและจัดทำบัญชีการเงินและบัญชีอื่นของโรงเรียนในระบบ พ.ศ. …. และเห็นชอบการขอยกเว้นการดำเนินการจัดทำตราสารจัดตั้งและรายละเอียดเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนในระบบ จำนวน 22 โรง

    บัลลังก์ โรหิตเสถียร
    สรุป/รายงาน
    18/4/2557