นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนผู้บริหารฝ่ายการเมือง ผู้บริหารองค์กรหลัก หน่วยงานในกำกับ ข้าราชการ และบุคลากรทางการศึกษา ร่วมพิธีรดน้ำขอพร “ประเพณีสงกรานต์ ศึกษาธิการสืบสานวัฒนธรรมไทย ประจำปี 2560” เมื่อวันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2559 ณ หอประชุมคุรุสภา
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ กล่าวอำนวยพรเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ว่า ด้วยวัยวุฒิและความอาวุโสยังน้อยกว่าผู้บริหารทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ จึงมิอาจที่จะกล่าวอวยพรใครได้ และโดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่า “พรที่สำคัญที่สุดคือความคิดของเรา” แม้คนส่วนใหญ่จะขอพรให้สมหวัง สมความปรารถนา แต่พรเหล่านั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้สร้างเงื่อนไขหรือสร้างเหตุให้ถูกต้องเสียก่อน
จากการที่ได้รับการสั่งสอนและอบรมจากครูบาอาจารย์ทั่วทุกสารทิศ ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ จนถึงต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินเดียที่เดินทางไปมากว่า 30 ครั้ง มีคำสอนหนึ่งซึ่งต้องการมาถ่ายทอดให้ได้รับรู้กันว่า “ใครก็ตามที่พูดความจริงอยู่ตลอดเวลา 12 ปี ต่อไปเมื่อพูดสิ่งใดก็จะเป็นจริง เหมือนกับ “พระร่วง” และใครก็ตามสามารถคิดดีพูดแต่ความจริงต่อไปอีก 12 ปี ต่อไปคิดอะไรก็จะเป็นจริง” แต่ตัวเลข 12 ปี หรือ 24 ปี ไม่สำคัญเท่ากับการคิดดีอยู่ตลอดเวลา เพราะการคิดดีจะเป็นพลังจิตที่สำคัญในการดำเนินชีวิต และเป็นเรื่องที่ใช้เวลาในการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผล ไม่มีทางลัด ไม่สามารถทำแบบกะทันหัน และหวังให้เกิดผลในระยะสั้น ๆ คงไม่ได้
ดังเช่นนิทานสอนใจเรื่องหนึ่ง ที่ว่า “มีเศรษฐีชาวอินเดียคนหนึ่ง ได้ล่วงรู้ถึงเคล็ดลับของการนึกถึงสิ่งใดในวินาทีสุดท้ายก่อนเสียชีวิต ในชาติภพถัดไปก็จะกลายเป็นสิ่งนั้น แต่เนื่องจากเขาเป็นคนโลภ คิดถึงแต่เงินตลอดเวลา และคิดหวังทำบุญมาก ๆ พร้อมตั้งชื่อลูกทั้ง 4 คนตามชื่อพระเจ้า (ศิวะ ราม กฤษณะ บุสดา) เพื่อเป็นทางลัดให้นึกถึงพระเจ้าในวาระสุดท้ายของชีวิต แต่เมื่อลูกมากันพร้อมหน้าก่อนที่พ่อจะสิ้นลม เศรษฐีกลับคิดห่วงธุรกิจพร้อมพูดว่า “มากันหมดใครจะดูแลร้าน” นั่นเท่ากับว่าเขาได้ตายไปพร้อมกับความโลภ กับเงินและรายได้ของตัวเอง”
ในเรื่องนี้จึงต้องการจะบอกทุกคนว่า “การคิดดี พูดดี ไม่มีทางลัด ต้องใช้เวลาสั่งสมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเรื่องของการศึกษาก็เช่นกัน หากเราต้องการพัฒนาการศึกษาของประเทศให้เจริญก้าวหน้า ก็ต้องใช้เวลาและเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เกิดผลอีก 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า” ดังนั้นจึงขอยืนยันว่าไม่มีทางลัดใดทำให้ผลเกิดอย่างที่ต้องการได้ หากเราไม่สร้างเหตุให้ถูกต้องเสียก่อน และเชื่อว่าทุกคนสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับคนที่ตั้งใจจริง
นอกจากนี้ จะขอบอกเล่าคำสอนของหลวงปู่อว้าน เขมโก วัดป่านาคนิมิตต์ จังหวัดสกลนคร เกี่ยวกับ “การไม่หวั่นไหวไปกับโลกธรรม” กล่าวคือการถูกด่าว่า ถูกกล่าวหา แม้กระทั่งความรักหรือคำชม เราจำเป็นต้องทำ “กรรมฐาน” ซึ่งแปลว่าฐานของการกระทำ ดังนั้นก่อนจะทำอะไรให้คิดตลอดเวลาว่ามีอคติหรือไม่ และอย่าส่งใจออกไปข้างนอก ให้เอาใจตั้งอยู่ที่กายซึ่งมีความมั่นคง ไม่หวั่นไหวไปมา ไม่ว่าใครจะด่าใครจะว่าอะไรก็ไม่สนใจ เพราะใจตั้งอยู่ที่กาย ทั้งนี้ท่านยังสอนด้วยว่าแม้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังถูกผู้คนติฉินนินทา ซึ่งใครก็ตามที่กล่าวว่าสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถือเป็นบาปหนัก ในทางกลับกันการทำบุญให้พระอรหันต์ก็ได้รับบุญมากเช่นกัน
ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ หากคนในกระทรวงเองกลับมากล่าวแช่งหรือกล่าวว่าองค์กรหรือครูในทางที่เสียหายตลอดเวลา ก็ถือเป็นการแช่งตัวเอง เป็นการทำร้ายตัวเอง เพราะกระทรวงศึกษาธิการเป็นองค์กรเป็นสถาบันการศึกษาของชาติ แทนที่มัวแต่จะกล่าวว่า แต่ต้องการให้ช่วยกันคิดที่จะมองไปข้างหน้าร่วมกัน พร้อมคิดในสิ่งที่ดีและทำสิ่งที่ดี เพื่อทำให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นที่พึ่งด้านการศึกษาของประเทศอย่างแท้จริง
พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ กล่าวอำนวยพรเนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ว่า การศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวกระทรวงศึกษาธิการทุกคนคงตระหนักดีอยู่แล้ว ส่วนรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็มีเจตนารมณ์อันมุ่งมั่น ในการที่จะตั้งใจทำงาน ด้วยความมีคุณธรรมจริยธรรม และยึดหลักธรรมาภิบาลเช่นกัน
ดังนั้น ในปีนี้จึงขอรณรงค์และเชิญชวนชาวกระทรวงศึกษาธิการให้มีความร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมแรง ร่วมความคิด พร้อมทุ่มเททำงาน โดยยึดหลักธรรมาภิบาล เพื่อพัฒนาการศึกษาของชาติให้เจริญก้าวหน้า สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ลุล่วงผ่านไปทีละขั้นจนประสบความสำเร็จ
ในโอกาสนี้ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ตลอดจนพลังอำนาจแห่งคุณความดีที่ประพฤติปฏิบัติ จงส่งผลดลบันดาลให้ทุกคนประสบความสุข มีความเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย หวังสิ่งใดขอให้สมความปรารถนาทุกประการ มีความก้าวหน้าเป็นกำลังสำคัญของการศึกษาของชาติ ที่จะทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนสืบไป
นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการจัดงานในปีนี้ว่า ในวันสงกรานต์ของทุกปี พี่น้องชาวกระทรวงศึกษาธิการถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะจัดงานรดน้ำขอพรจากผู้บังคับบัญชาและผู้อาวุโส ซึ่งถือเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามตามเทศกาล และเป็นการส่งเสริมสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่สืบไป อันเป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อผู้ใหญ่ และผู้ที่เคารพนับถือ
ชาวกระทรวงศึกษาธิการจึงได้ร่วมกันจัดงานรดน้ำขอพร เนื่องในโอกาสวันสงกรานต์ ประจำปี 2560 ขึ้น ภายใต้ชื่องานว่า “ประเพณีสงกรานต์ ศึกษาธิการสืบสานวัฒนธรรมไทย” และขอถือโอกาสอันเป็นมงคลนี้ร่วมกับชาวกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งอยู่พร้อมกัน ณ ที่นี้ ขออาราธนาอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เคารพนับถือ ตลอดจนพระบรมเดชานุภาพแห่งพระสยามเทวาธิราช ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และท่านผู้อาวุโสทุกท่าน ประสบแต่ความสุขความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยทั้งปวง
นวรัตน์ รามสูต
10/4/2560