นิเทศศาสตร์ กับแวดวงบันเทิง

นิเทศศาสตร์คืออะไร

         “คณะนิเทศศาสตร์” หรือภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Communication Arts” เป็นคำพูดจากพลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศประพันธ์ ทรงคิดขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2511 โดยทรงให้ความหมายว่า “เป็นวิชาที่สื่อสารไปยังมวลชนโดยทางใดก็ตาม” ไม่จำเพาะแต่ทางหนังสือพิมพ์เท่านั้น


         นิเทศศาสตร์ จึงหมายถึง ศาสตร์ที่ว่าด้วยศิลปะของการสื่อสารทุกประเภท ทุกระดับ ซึ่งประกอบด้วย ผู้ส่งสาร สาร สื่อ ผู้รับสาร การที่จะทำให้การสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพได้นั้นต้องอาศัยเทคนิควิชาการที่มีอยู่ เพื่อช่วยให้การสื่อสารนั้นสามารถบรรลุเป้าหมายของการสื่อสารได้อย่างเต็มที่ ตัวอย่างของบคลากรที่ได้ใช้ศาสตร์ทางด้านนี้ก็เช่น งานด้านการประชาสัมพันธ์ วารสารศาสตร์ การโฆษณา วิทยุกระจายเสียง  วิทยุโทรทัศน์ และศิลปะการแสดง

สาขาเฉพาะทางของนิเทศศาสตร์ ( Areas of Concentration) เช่น 

           1.สาขาวิชาการประชาสัมพันธ์ เป็นกานนำเอาความรู้ทางธุรกิจ การเมือง สังคม วัฒนธรรม และเทคโนโลยีมาผสมผสานเพื่อสื่อสาร โดยการการเขียนข่าว การผลิตสื่อ การกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการตลาด การจัดกิจกรรมพิเศษ การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ การสื่อสารเพื่อสร้างเอกลักษณ์และภาพลักษณ์ขององค์กร เป็นต้น
           2. สาขาวิชาวารสารศาสตร์ คือ การศึกษาเกี่ยวกับการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะในรูปแบบของข่าว และการวิพากษ์วิจารณ์ การแสดงความคิดเห็น ผ่านสื่อมวลชนประเภทต่าง ๆ อย่างมีสาระและสร้างสรรค์โดย ถือกำเนิดมากับสื่อหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนประเภทแรกของโลก แต่ในปัจุบันมีวิวัฒนาการใหม่ๆทางเทคโนโลยีในการสื่อสารเกิดขึ้นตลอดเวลา วารสารศาสตร์จึงเน้นหนักไปทางด้านงานหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร บุคคลทางด้านวารสารศาสตร์ จึงต้องมีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ค้นคว้าหาความรู้และข้อมูล เกี่ยวกับงานในด้านวารสารศาสตร์ เพื่อสื่อออกไปยังสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ


           3. สาขาการสื่อสารแบรนด์  เนื่องจากปัจจุบันสินค้ามีมากมายที่สามารถใช้ทดแทนกันได้แทบจะโดยสมบูรณ์ ดังนั้นทำอย่างไรจึงจะสร้างให้ผู้บริโภคมีความเกิดความรัก  และศรัทธาในแบรนด์ เพื่อเป็นการสร้างคุณค่าให้กับสินค้าของตนจึงเป็นเรื่องสำคัญ นักศึกษาจึงต้องมีความรู้เข้าใจ สินค้า และกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ต้องศึกษาเครื่องมือการสื่อสารแบรนด์ เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การจัดกิจกรรมการตลาด  การส่งเสริมการขาย การตลาดทางตรง การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าและผู้เกี่ยวข้อง การออกแบบเอกลักษณ์ เพื่อให้แบรนด์มีความโดดเด่นเป็นต้น 

           4. สาขาการสร้างสรรค์งานโฆษณา เป็นเครื่องมือในการแจ้งข่าวสาร สร้างภาพลักษณ์และสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับตราสินค้า หรือบริการต่าง ๆเพื่อให้เข้าถึงและมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการบริโภค 

           5.สาขาวิชามัลติมีเดีย เป็นการผสมผสานเกี่ยวกับความรู้ทางด้านการสื่อสาร เทคโนโลยี และความรู้ทางด้านศิลปะเข้าด้วยกัน โดยนำเสนอผลงานผ่านเครื่องมือทางการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีให้ผสมผสานกันอย่าง เหมาะสม 

           6.  สาขาวิชาการแสดงและการกำกับการแสดง จะเน้นให้บัณฑิตมีความรู้ความสามารถในศิลปะการแสดงด้านต่างๆ เพื่อผลิตผลงานในวงการศิลปะบันเทิง ทั้งด้านละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และละครเวที การแสดง และการกำกับการแสดง เพื่อเป็นเวทีให้นักศึกษาได้ฝึกฝนทักษะ ทั้งด้านการผลิต การจัดการ และการวิเคราะห์วิจารณ์ 

           7.  สาขาวิชาภาพยนตร์และภาพนิ่ง มุ่งผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถในงานด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ก้าวทันอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสมัย เข้าใจทั้งเครื่องมือ รูปแบบ สื่อในการนำเสนอ เข้าใจในการบริหารงานใน อุตสาหกรรมภาพยนตร์ การผลิต การกำกับ และการถ่ายทำภาพยนตร์ อีกทั้งสามารถวิเคราะห์วิจารณ์ภาพยนตร์ได้

           8.  สาขาวิชาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เป็นสื่อที่ให้ความรู้และความบันเทิงแก่สาธารณชนมายาวนานตั้งแต่อดีต การผลิตสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ต้องอาศัยความรอบรู้ในวิชาต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองรวมถึงทักษะการใช้เทคโนโลยี มีความรู้เท่าทันเหตุการณ์และสภาวะความเคลื่อนไหวในโลกอย่างเท่าทัน เพื่อใช้ในกระบวนการสร้างสรรค์การผลิตและเผยแพร่รายการวิทยุและโทรทัศน์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อดีต หลักสูตรนั้นจะฝึกฝนให้นักศึกษาให้พร้อมสำหรับการเป็นผู้ผลิตรายการ เช่น รายการข่าว รายการสารคดี รายการละคร และรายการบันเทิงอื่น ๆ โดยตระหนักรู้ถึงบทบาทและความรับผิดชอบที่ต้องมีต่อ อยู่บนพื้นฐานของงจรรยาบรรณและจริยธรรม



           นอกจากนี้ก็ยังมี สาขาโฆษณา สาขาวิชาการเขียนบทสาขาวิชาสื่อสารการตลาด ซึ่งแต่ละมหาลัยก็จะมีการแบ่งแยกสาขาที่แตกต่างกันออกไปบ้าง และมีชื่อเรียกในสาขาที่ไม่เหมือนหรืออาจคล้ายกันไป ดังนั้น หากมีความสนใจในสาขาใด ก็ควรศึกษาดูว่า สาขานั้นๆในแต่ละมหาลัยมีหลักสูตรอย่างไร

สถาบันที่เปิดสอน
         มหาวิทยาลัยอันเก่าแก่ที่ริเริ่มเปิดสอนศาสน์ด้านนี้ที่หลายคนนึกถึงก็คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งทีแรกได้เริ่มเปิดสอน ในด้านของวิชาการหนังสือพิมพ์ในปี  พ.ศ. 2482 เป็นหลักสูตรในระดับอนุปริญญา สังกัดในคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แต่มาในปี พ.ศ. 2497 ก็ได้มีการโอนการศึกษาวิชาการหนังสือพิมพ์นี้ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปทำการสอนที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง แทน ทำให้การสอนในสาขานิเทศศาสตร์ในจุฬาลงกรณ์สิ้นสุดลงในตอนนั้น 

         จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 จึงได้ทำการจัดการเรียนการสอนในสาขาวิชานิเทศศาสตร์อีกครั้งในแผนกสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ จึงเป็นที่มาว่าวันที่ 5 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนาคณะนิเทศศาสตร์ และได้ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น “คณะนิเทศศาสตร์” เมื่อปี พ.ศ. 2517 โดยมี ศ.บำรุงสุข สีหอำไพ เป็นคณบดีคนแรกปัจจุบันคณะนิเทศศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของถนนพญาไท ในพื้นที่บริเวณเดียวกับคณะนิติศาสตร์ 


         ส่วนทางฝั่งมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกที่เริ่มเปิดสอนในคณะนิเทศศาสตร์ นั้นก็คือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่เปิดทำการสอนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2514 โดยในช่วงเริ่มต้นได้ก่อตั้งในชื่อว่า“แผนกวิชาสื่อสารมวลชน” ที่มีหลักสูตรเน้นทางด้านสาขาการประชาสัมพันธ์เท่านั้น ต่อมาก็ได้เพิ่มหลักสูตรตามมาเรื่อยๆตั้งเเต่ วารสารศาสตร์ สาขาการโฆษณา สาขาวิชาการโฆษณาสาขาศิลปะการแสดง สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และสุดท้ายที่ประชุมจึงมีมติใช้คำว่า “นิเทศศาสตร์”หรือ “School of Communication Arts” ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายครอบคลุมในสาขาอาชีพทางการสื่อสารได้กว้างขวาง 

         สถาบันที่เปิดสอนด้านนี้ยังมีอีกหลากหลายมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ระดับปริญญาโท ระดับปริญญาเอก เช่น ม.รามคำแหง ม.ธรรมศาสตร์ ม.สยาม ม.หอการค้าไทย ม.ศรีปทุม ม.เกริก ม.เกษมบัณฑิต ม.อัสสัมชัญ ม.รังสิต ม.อีสเทิร์นเอเซีย ม.เซนต์จอห์น ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นต้น

ก้าวสู่อาชีพที่หลากหลาย
 

         ผู้ที่จบทางด้านนิเทศศาสตร์ สามารถทำงานได้หลากหลาย เช่น คอลัมน์นิสต์   นักสร้างสรรค์งานโฆษณา   ผู้ผลิตรายการ  ผู้ประกาศข่าว  บรรณาธิการ นักจัดรายการ ผู้เขียนบทละครและบทโทรทัศน์ นักกลยุทธ์ด้านการสื่อสารแบรนด์ ผู้สื่อข่าว และนี่คือ ตัวอย่างของรุ่นพี่นิเทศศาสตร์ที่เป็นที่รู้จักในสังคม 

         เริ่มกันที่ สุทธิชัย หยุ่น ผู้มีบทบาทหลักในสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง เดอะเนชั่น พับลิชชิ่ง กรุ๊ป ส่วนยักษืใหญ่ในวงการเพลงก็ต้อง อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ผู้ก่อตั้ง ประธานกลุ่มบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) รวมทั้ง เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา เจ้าเเม่เอไทม์ มีเดีย ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ 

         หากเป็นนักเขียนก็ต้องนึกถึง อัศศิริ ธรรมโชติ นักเขียนรางวัลซีไรท์ ประเภทเรื่องสั้น ประจำปี 2524 จากผลงานชุด “ขุนทอง เจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้าสาง” และวุฒิชาติ ชุ่มสนิท เจ้าของนามปากกา บินหลา สันกาลาคีรี นักเขียนรางวัลซีไรท์อีกท่าน ในปี 2548 จากผลงานรวมเรื่องสั้นชุด “เจ้าหงิญ” รวมทั้ง ศุ บุญเลี้ยง ที่เป็นทั้งนักเขียน และนักร้องวงเฉลียง

         ในแวดวงสื่อสารสิ่งพิมพ์ เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ คุณสมหมาย ปาริจฉัตต์ ปริญญา ผดุงถิ่น และสุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ช  คอลัมนิสต์ และผู้บริหารที่มาจากมติชน 

         ในวงการมายาจอเงินก็มี คุณหน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์ จากค่ายบรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น จำกัด ดารานักแสดงกับอดีตนางเอก อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส แนน ชลิตา เฟื่องอารมณ์ และนางเอกชื่อดังแห่งยุคอย่าง แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ

         พิธีกรฝีปากกล้า คงหนีไม่พ้น คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา คุณมาโนช พุฒตาล คุณนิรมล เมธีสุวกุลจากการการทุ่งเเสงตะวัน รายการเล่าข่าวจากสาวๆ ช่องสาม เริ่มจาก สู่ขวัญ บูลกุล  พัชรศรี เบญจมาศ และกุลนัดดา ปัจฉิมสวัสดิ์

         ผู้กำกับหลายคนใน GTH เช่น จิระ มะลิกุล จากภาพยนตร์ “15 ค่ำ เดือน 11″และ “เหมืองแร่” คุณนิพนธ์ ผิวเณร  ผู้กำกับละครโทรทัศน์ ค่ายเอ็กแซ็กท์

เหล่า DJ ทั้ง สมพล ปิยะพงศ์สิริ นภาพร ไตรวิทย์ วารีกุล และพุทธชาด พงษ์สุชาติ


เห็นรุ่นพี่ประสบความสำเร็จกันมากมายอย่างนี้เเล้ว ใครมีความฝันอย่างไร ก็ขอให้เดินตามหาฝันกันให้เจอนะคะ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ที่พยายามไม่พอ


ที่มา : วิชาการ.คอม