ทับละมุบ้านฉัน เรื่องเล่าบนแผ่นฟิล์ม

“คัต เอ๊ย ไม่ใช่ๆ เทกๆๆ” ผู้กำกับตัวน้อยพูดผิดๆ ถูกๆ เมื่อพิธีกรทำหน้าที่ไม่ได้ดั่งใจ ยิ่งไปกว่านั้นเสียงแซวเอิ๊กอ๊ากจากเพื่อนๆ ทีมงานอีกหลายสิบชีวิตยังดังลั่นทำเอาผู้กำกับมือใหม่ยืนตัวเอียงตัวงอด้วยความเขินอาย

กองถ่ายทำภาพยนตร์สารคดี ซึ่งประกอบด้วยเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กว่า 30 คน จากโรงเรียนพระราชทานทับละมุ อำเภอลำแก่น จังหวัดพังงา ล้วนแบ่งหน้าที่ในการทำงานไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสถานที่ ฝ่ายประสานงานกองถ่าย คอสตูม ฝ่ายข้อมูลและบทสารคดี และฝ่ายสวัสดิการ ทุกคนต่างมาร่วมใจกันนำเสนอแง่มุมต่างๆ ของหมู่บ้านของตัวเองผ่านสื่อภาพยนตร์ เพื่อให้คนทั่วไปรู้จักหมู่บ้านทับละมุมากขึ้นภายใต้ชื่อ “ทับละมุบ้านฉัน”

ด้วยแนวคิดในการให้เด็กๆ รู้จัก เข้าใจ และเห็นคุณค่าสิ่งต่างๆ ในหมู่บ้านตนเอง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเด็กที่มาจากรากฐานของชุมชน กองทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมไทย และองค์การแพลนประเทศไทย จึงจับมือกันสนับสนุนและช่วยเหลือในการผลิตภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ ซึ่งเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกที่เด็กชาวทับละมุกำกับเอง เล่นเอง

เนื้อเรื่องของภาพยนตร์สารคดี “ทับละมุบ้านฉัน” ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนทับละมุบ้านฉันที่เด็กๆ ร่วมกันระบายเนื้อหา บอกเล่าความจริงผ่านใจ โดยเพิ่มสีสันและตัวละครเพื่อความเพลิดเพลินของผู้ชม โดยใช้สถานที่จริงในการถ่ายทำ ไม่ว่าจะเป็นป่าชายเลน ท่าเรือท่องเที่ยวข้ามไปอุทยานแห่งชาติสิมิลัน แพปลาขนาดใหญ่ซึ่งมีทั้งคนงานไทยและพม่าทำงานปะปนกันไป และวิถีชีวิตของผู้คนในบ้านทับละมุ

“เป็นการทำงานที่เน้นเนื้อหาการสร้างจิตสำนึกให้เด็กๆ รู้จักว่าในบ้านของเขามีทรัพยากรอะไรบ้าง ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษนำมาปรับใช้กับชีวิตของพวกเขาอย่างไรบ้าง การรู้จักถิ่นฐานบ้านเกิดเป็นสิ่งที่จะทำให้เด็กๆ เติบโตจากรากฐานของตนเอง โดยเรานำวิธีการต่างๆ มาใส่เครื่องมือหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสอนเชิงความคิด การทำงานกลุ่ม และการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่แผ่นพับ หนังสือการ์ตูน จนมาเป็นภาพยนตร์สารคดี” สมภพ ศิริสว่าง ผู้จัดการโครงการต้นกล้าสึนามิกล่าวถึงความเป็นมาของโครงการ

น้องฟิวส์ ด.ช.ธีรนิติ์ มณีสงฆ์ ผู้กำกับฯ หน้าใหม่เปิดเผยว่า “รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ เราไม่เคยรู้จักกล้องถ่ายหนัง ไม่รู้ว่าเราจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในทีวีได้อย่างไร จนเมื่อเข้าอบรมก็รู้ นี่คือหนังเรื่องแรกของพวกเรา ที่ภูมิใจนำเสนอความเป็นทับละมุให้ทุกคนได้เห็น”

กว่าจะเริ่มถ่ายทำได้เด็กๆ ต่างวิ่งหาข้อมูล ติดต่อผู้ใหญ่เพื่อขอสัมภาษณ์ จัดหาสถานที่ในการถ่ายทำเพื่อให้ใช้เวลาตามที่กำหนดไว้ และได้ในสิ่งที่พวกเขาอยากจะสื่อสารกับคนอื่นๆ ผ่านสื่ออีกรูปแบบหนึ่งที่พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสลงมือทำ

“ตอนแรกหนูต้องเขียนบท ก็ไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไร พี่ๆ เขาก็เอาสารคดี หนัง มาเปิดให้ดูตั้งหลายเรื่อง แล้วก็สอนวิธีการเขียนบท ก็เลยทำได้ จากนั้นก็เริ่มนำสิ่งต่างๆ ในบ้านเรามาเขียนลงในบท แล้วถามเพื่อนๆ ดูว่าบ้านเรามีดีอีกไหม เพราะนี่เป็นโอกาสที่จะบอกสิ่งดีๆ ของบ้านเราให้คนภายนอกรับรู้” น้องนุ่น ด.ญ.กนกรักษ์ สังขลาโพธิ์ ผู้เขียนบทภาพยนตร์สารคดีเล่าความในใจ

ก่อนถ่ายทำ และระหว่างถ่ายทำทุกคนต่างประสบอุปสรรคมากมาย ตั้งแต่ช่วยกันปรับแก้บท อากาศไม่เป็นใจเพราะฝนตก แดดไม่มี การประสานงานผิดพลาด ไปจนถึงถกเถียงกันเองจนงอนกันไปก็มี ต้องเสียเวลางอนง้อกันยกใหญ่ แต่สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยเป้าหมายที่ทุกคนกำหนดร่วมกันคือ

“ทับละมุเป็นบ้านเกิดของพวกเรา บ้านเรามีท้องทะเล ป่าชายเลน และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวของคนอื่นๆ พวกเราภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนทับละมุ พวกเราจะรักษาและพัฒนาบ้านเกิดของเราให้มีความสุขตามอัตภาพและความพอเพียง อยากให้หลายๆ คนมาเยี่ยมมาเยียนทับละมุบ้านฉัน”
 

แหล่งที่มา/ผู้ส่ง ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สป. ศธ.