นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมวิชาการระดับชาติ สมาคมนักจิตวิทยาคลินิกไทย ประจำปี 2561 ครั้งที่ 42 พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษใน หัวข้อ “เพิ่มสุข ลดเศร้า…สู่ความสมดุลทางใจ” จัดโดยสมาคมนักจิตวิทยาคลินิกไทย เมื่อวันพุธที่ 28 พฤศจิกายน 2561 ณ โรงแรมอวานี เอเทรียม กรุงเทพฯ โดยมี น.ส.จินตนา สิงขรอาจ นายกสมาคมนักจิตวิทยาคลินิกไทย สมาชิกสมาคมนักจิตวิทยาคลินิกไทย นักจิตวิทยา นักวิชาการ อาจารย์ ตลอดจนบุคลากรและนักศึกษา เข้าร่วมกว่า 100 คน
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งว่า การเปิดประชุมครั้งนี้มาในหลายฐานะ ทั้งฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ฐานะนักจิตวิทยา และฐานะของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งหากจะพูดถึงเรื่องของการเพิ่มความสุขของคน ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทางออกในการแก้ไขปัญหาโรคซึมเศร้าที่มีแนวโน้มความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นนั้น จากข้อมูลผลการประเมิน “โครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ” (Programme for International Student Assessment) หรือ PISA ซึ่งนอกจากจะประเมินความสามารถในการใช้ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์ การอ่าน และคณิตศาสตร์ ของเด็กไทยอายุ 15 ปีที่เป็นกลุ่มตัวอย่างแล้ว ยังพบข้อมูลว่า เด็กไทยเป็นเด็กที่มีความสุขเป็นอันดับ 4 ของโลกด้วย ในความเห็นส่วนตัวจึงยังไม่กังวลมากนัก เพียงแต่จะต้องเน้นแนวทางการสร้างเสริมความสมดุลทางใจในการใช้ชีวิตของพวกเขาให้ดี ๆ และมีความพร้อมที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในยุคที่มีความเปลี่ยนแปลง ทั้งทางเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และสังคมอย่างรวดเร็ว
ในเรื่องของการเพิ่มความสุข เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยภายในจิตใจของแต่ละบุคคล เพราะแต่ละคนจะมีความชอบและมีความพึงพอใจต่อความรู้สึกสุขด้วยวิธีการ รูปแบบ และในระดับที่แตกต่างกันไป รวมทั้งการรักษาความสมดุลทางใจ ก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและใช้ศาสตร์หลายส่วนเข้ามาช่วยฝึกฝน จึงจะสามารถสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นได้ โดยขอยกตัวอย่าง “ฌาน 4” ตามหลักธรรมพระพุทธศาสนา ที่จะช่วยให้เกิดความสุขทางใจ จากการฝึกเพ่งอารมณ์จิตใจอย่างแน่วแน่จนเกิดอารมณ์เป็นหนึ่ง เข้าสู่อัปปนาสมาธิที่มีภาวะจิตใจที่สงบแท้จริง ประกอบด้วย
1) ฌานที่ 1 ปฐมฌาน (วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา) โดยใช้คำภาวนาและพิจารณาในขันธ์ 5 หรือกำหนดลมหายใจเข้าออก เพื่อให้จิตทรงตัว
2) ฌานที่ 2 ทุติยฌาน (ปิติ สุข เอกัคคตา) โดยคำภาวนาจะหายหรือหยุดไปเอง ไม่มีวิตกวิจาร แต่จะมีจิตใจชุ่มชื่น ลมหายใจเบาสบาย มีแต่ปีติ และเอกัคตารมณ์ คือ มีอารมณ์เป็นหนึ่งและทรงตัวมากขึ้น
3) ฌานที่ 3 ตติยฌาน (สุข เอกัคคตา) ลมหายใจจะเบามากและความอิ่มเอิบหายไป เหลือแต่ความสุขเยือกเย็น โดยจิตทรงตัวมาก อารมณ์ไม่เคลื่อนไหว ได้ยินเสียงภายนอกเบาลง และการทรงตัวแน่นสนิท
4) ฌานที่ 4 จตุตถฌาน (อุเบกขา เอกัคคตา) คือการตัดสุขได้ ไม่รับการสัมผัสทางจิตใจไม่มีความรู้สึก ทั้งจากเสียง ลม ยุ่งกัด เหลือแต่เอกัคตาพร้อมด้วยอุเบกขา ซึ่งฌานขั้นนี้เป็นอาการทางจิตที่ทรงตัวสมาธิดี มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีความสว่างไสวในจิต หากสามารถฝึกให้จิตทรงตัวอยู่ตลอดเวลา ก็จะนำไปสู่การเกิด “ทิพจักขุญาณ” ตามมาได้โดยง่าย
น.ส.จินตนา สิงขรอาจ นายกสมาคมนักจิตวิทยาคลินิกไทย กล่าวรายงานว่า การประชุมวิชาการระดับชาติฯ ในเรื่อง “เพิ่มสุข ลดเศร้า…สู่ความสมดุลทางใจ” มีที่มาจากปัญหาโรคซึมเศร้ามีสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง และรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก, Harvard School of Public Health และธนาคารโลก พบว่า ในปี 2563 โรคซึมเศร้าจะก่อให้เกิดความสูญเสียด้านสุขภาพเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจและหลอดเลือด สำหรับประเทศไทยพบโรคซึมเศร้าเป็นอันดับ 4 ในผู้หญิง และอันดับ 10 ในผู้ชาย ตลอดจนข้อมูลศูนย์วิจัยและสารสนเทศโรคซึมเศร้า โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ ปี 2561 พบว่ามีคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า กว่า 862,854 คน
ดังนั้น ในฐานะสมาคมนักจิตวิทยาคลินิกไทย เป็นองค์กรวิชาชีพที่มีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนทางด้านวิชาการให้กับสมาชิก จึงจัดประชุมวิชาการฯ ระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2561 ณ โรงแรมอวานี เอเทรียม กรุงเทพฯ เพื่อสร้างเสริมความรู้เรื่องโรคซึมเศร้า ตลอดจนแนวทางในการส่งเสริม ป้องกัน ฟื้นฟูสภาวะจิตใจของผู้ป่วยซึมเศร้าและดูแลแก้ไข เพื่อพัฒนาในมิติเชิงบวกมากขึ้น และให้มีเวทีเผยแพร่ผลงานวิจัย งานวิชาการ และงานสร้างสรรค์ของนักจิตวิทยาคลินิก ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์ความรู้เพื่อพัฒนาประเทศต่อไป