"ครูพุทธ" นักแปรรูปสมุนไพรเป็นอาหาร-เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

“ครูพุทธ” นักแปรรูปสมุนไพรเป็นอาหาร-เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

           ธรรมรัช กิจฉลอง

          การนำเอา “พืชสมุนไพร” มาใช้เป็นยารักษาโรค แปรรูปเป็นอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ นับเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาไทยที่ทรงคุณค่าอย่างมาก กระทั่งชาวต่างชาติยังอดใจไม่ไหวต้องบินลัดฟ้ามาเสาะแสวงหาความรู้แขนงนี้ถึงเมืองไทย !! น่ายินดีที่มีคนไทยจำนวนหนึ่งสืบสานความรู้ด้านไว้ หนึ่งในนั้นคือ “ครูพุทธ ตันมณี” วัย 53 ปี ครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ 6 ด้านโภชนาการ ประจำปี 2552 ของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.)สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 

          “แต่ละท้องถิ่นมีผักพื้นบ้านและผลไม้ที่เป็นสมุนไพรไทยที่โดดเด่นของตัวเอง นอกจากหาได้ง่ายและราคาถูกแล้ว ที่สำคัญมีประโยชน์ต่อร่างกาย หากรู้จักรับประทานให้เหมาะสมกับธาตุของร่างกาย เช่น สำรองเป็นยาเย็นเหมาะกับคนธาตุไฟ มีสรรพคุณแก้ร้อนใน ช่วยดูดซับไขมันในกระเพาะ ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น” ครูพุทธบอกถึงประโยชน์ของสมุนไพรไทย

          “ครูพุทธ” เกิดในครอบครัวข้าราชการกรมป่าไม้ที่ จ.ลำปาง ชีวิตวัยเด็กต้องย้ายตามพ่อที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดต่างๆ เรียนรู้โภชนาการจากอาซึ่งไปอยู่ด้วยในช่วงเรียนระดับประถมที่จ.ชลบุรี โดยเป็นลูกมือปรุงอาหาร ขนม และเครื่องดื่ม ขณะเดียวกันได้รับความรู้และประสบการณ์ชีวิตจากก๋งซึ่งมีโรงสี เครื่องจักรไอน้ำ และย่าที่ทำสวนและเลี้ยงหมู ทำให้ได้เรียนรู้การทำเกษตรแบบธรรมชาติและการแปรรูปผัก ผลไม้ในระหว่างปิดภาคเรียน

          หลังเรียนจบมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมแบบเกษตรอินทรีย์ ทำสวนยางพารา สวนผลไม้ เช่น มังคุด ลองกอง สวนสมุนไพรและสวนป่าบนที่ดิน 300 ไร่ ที่ จ.จันทบุรี รวมทั้งเข้าศึกษาวิชาการแพทย์แผนไทยจากสถาบันการแพทย์แผนไทยจนสอบได้ใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ สาขาเภสัชกรรมแผนไทย   และเข้ารับการอบรมหลักสูตรการแปรรูปผักและผลไม้เป็นอาหารและเครื่องดื่มจากสถาบันและหน่วยงานต่างๆ 

          “เมื่อจบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมไปเป็นครูสอนวิชาพลศึกษา ต่อมาได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับแนวพระราชดำริเกษตรทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงหันมาทำเกษตรปลอดสารพิษ และหาความรู้ด้านสมุนไพรไทย แต่การนำสมุนไพรไทยมาผลิตยารักษาโรคมีขั้นตอนยุ่งยาก จึงนำความรู้มาแปรรูปผักพื้นบ้านและสมุนไพรไทยเป็นอาหารและเครื่องดื่ม”

          ต่อมาในปีพ.ศ. 2545 “ครูพุทธ” ได้จัดตั้ง “กลุ่มผู้ผลิตพืชสมุนไพรเกาะลอย” ซึ่งจัดทำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่น น้ำสำรอง น้ำลูกหว้า น้ำมังคุด น้ำมะขามป้อม ทั้งชนิดบรรจุกระป๋องและขวดพลาสติก โดยได้ค้นพบกรรมวิธีการผลิตสำรองผงและสำรองผงที่มีองค์ประกอบของแปะก๊วย และมีการจดทะเบียนอนุสิทธิบัตร อีกทั้งยังนำผักพื้นบ้านมาผลิตเป็นผักผง เช่น ผักโขม ตำลึง ผักบุ้ง ผักหวาน เป็นต้น ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้รับรางวัลหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ระดับห้าดาวของ จ.จันทบุรี และระดับสี่ดาวในระดับประเทศ โดยเฉพาะ “สำรองผง” ที่มีองค์ประกอบของแปะก๊วย

          ปัจจุบันกลุ่มผู้ผลิตพืชสมุนไพรเกาะลอยมีสมาชิก 72 คน มีหุ้นเป็นเงินทั้งหมด 7.2 แสนบาท และจัดส่งผลิตภัณฑ์ เช่น ผักโขมผง น้ำสำรอง น้ำมังคุด ออกไปจำหน่ายในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งจัดอบรมให้แก่หน่วยงานต่างๆ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่สนใจด้วย

          “หลักการสอนการใช้ผักพื้นบ้านและผลไม้ที่เป็นสมุนไพรไทยเพื่อแปรรูปเป็นอาหารและเครื่องดื่ม    ผมจะสอนให้ลูกศิษย์รู้ว่าสมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณและพิษอย่างไร จากนั้นก็สอนถึงวิธีการนำมาใช้และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น ขี้เหล็กเป็นยาเย็น ช่วยให้หลับสบาย แต่เป็นพืชที่มีพิษอยู่ คนโบราณแก้ไขโดยต้มน้ำแล้วทิ้ง จากนั้นก็นำมาแกงใส่กะทิเพื่อลดพิษของขี้เหล็ก” ครูพุทธอธิบายวิธีสอน

          น.ส.พรสวรรค์ พรหมฉิน หรือ น้องเมย์ วัย 20 ปี นักศึกษาชั้นม.ต้นของศูนย์กศน.แก่งหางแมว บอกว่า ครูกศน.พามาเรียนการแปรรูปใช้ผักพื้นบ้านและผลไม้ที่เป็นสมุนไพรไทยเป็นอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากเพราะอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยและนำความรู้ไปจัดทำผลิตภัณฑ์ เช่น น้ำสำรอง น้ำลูกหว้าขายได้ ผู้สนใจไปดูงานกลุ่มผู้ผลิตพืชสมุนไพรเกาะลอยได้ที่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 12 อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี โทร.08-1984-2355, 08-1619-2766

          แหล่งที่มาของข่าว : คมชัดลึก ฉบับวันที่ 30 เม.ย. 2553 (กรอบบ่าย)–