การสื่อสารที่ด้อยประสิทธิภาพ
(Communication Breakdown)
Keith David กล่าวว่า “การติดต่อสื่อสารของมนุษย์มักจะเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคหลายประการที่เป็นสิ่งสกัดกั้นการติดต่อสื่อสารให้ด้อยประสิทธิภาพลงหรือล้มเหลว(Communication Breakdown)”
จากคำกล่าวดังกล่าวจะเห็นว่าการติดต่อสื่อสารของมนุษย์มีอุปสรรคหลายประการการจะหลีกเลี่ยงหรือหาวิธีป้องกันแก้ไขเพื่อให้การติดต่อสื่อสารของมนุษย์เป็นไปโดยราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุดตามเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสนใจเพื่อประโยชน์ในการติดต่อสื่อสารที่บรรลุตามวัตถุประสงค์ของผู้ส่งสารจึงขอกล่าวโดยสรุปดังนี้
การสื่อสาร |
“มนุษย์ทุกคนต้องมีการติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน เพื่อการดำรงชีวิตในสังคม และเพื่อการพัฒนาสังคมให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น การติดต่อกันของมวลมนุษย์จะมีอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจนตาย ตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับ มนุษย์ได้ใช้ความพยายามอันยาวนานในการพัฒนาการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน เพื่อที่จะให้ผู้อื่นเข้าใจตนและให้ตนเข้าใจผู้อื่นจนเกิดการติดต่อสื่อสารกันในรูปแบบต่างๆ เช่น ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาใบ้ เป็นต้น การเกิดภาษา ที่ใช้ติดต่อกันในแบบต่างๆก็เนื่องมาจากความพยายามของมนุษย์ที่จะเอาชนะอุปสรรคต่างๆทางการสื่อสาร อันอาจเป็นเหตุให้เกิดความล้มเหลวทางการสื่อสารในการ ติดต่อสื่อสารนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องมีความเข้าใจความหมายของสาร สามารถถอดรหัส เป็นความเข้าใจที่ตรงกันกับที่ผู้ส่งสารส่งมา การติดต่อสื่อสารของคนแต่ละกลุ่มจะใช้รหัสการติดต่อแตกต่างกันจึงทำให้เกิดภาษามากมายหลายภาษาขึ้นในโลก”(เสาวณีย์ สิกขาบัณฑิต .2540)
จากคำกล่าวดังกล่าวข้างต้นจะเห็นว่าการสื่อสารของมนุษย์เป็นขบวนการที่มีพลวัตร(Dynamic) มีผลกระทบต่อกันและกันระหว่างองค์ประกอบของการสื่อสาร ดังนั้นการสื่อสารของมนุษย์จึงมีความต่อเนื่อง (Continuous) มีการเปลี่ยนแปลง (Changing)ต้องอาศัยการปรับตัวตลอดเวลา การสื่อสารเป็นกระบวนการส่งสารหรือความรู้ซึ่งเป็นสิ่งเร้าต่างๆ ให้แก่ผู้รับสารโดยผ่านพาหะซึ่งนำสื่อหรือข้อเท็จจริงต่างๆ การสื่อสารทุกระดับตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงระดับซับซ้อนมากขึ้นนั้น มีขั้นตอนและผลปรากฏต่างๆที่เกี่ยวข้องดังรูปแบบต่อไปนี้
จากโมเดลกระบวนการสื่อสารดังกล่าวจะเห็นว่า ข่าวสารในรูปแบบของข้อสนเทศต่างๆ ได้รับการจัดระบบเป็นเรื่องราวโดยต้นตอหรือผู้ส่ง ซึ่งต้องเข้ารหัส (Encode) ความคิดหรือมโนภาพให้เป็นรูปเครื่องหมายสัญญาณในรูปคลื่นเสียง ภาษา คำบรรยายเป็นรูปข่าวสารแล้ว ข่าวสารนั้นจะส่งไปยังเครื่องส่งด้วยช่องทางที่เหมาะสมไปยังผู้รับ หรือจุดหมายปลายทางใช้ประสาทรับรู้ เช่น ตา หู ฯลฯ แล้วผู้รับจะถอดรหัส (Decode) ในสมองและจะมีการแปลความหมาย(ตวงแสง ณ นคร.2542)
ปัญหาและอุปสรรคการติดต่อสื่อสาร (Communication Breakdown)
การสื่อสารถ้าดำเนินไปด้วยคงามราบรื่นการสื่อสารนั้นยก็จะประสบผลสำเร็จตามที่ผู้ส่งสารต้องการแต่ถ้าการสื่อสารนั้นไม่ประสบผลสำเร็จหรือมีอุปสรรค ก็จะทำให้เกิดผลเสียหรือเกิดการแปลความหมายไปในทางที่ผิดเพี้ยนได้โดยทั่วไปการสื่อสารมักประสบกับปัญหา 2 ประการคือ
1.อุปสรรคทางกล (Mechanical Noise) หมายถึงอุปสรรคในตัวสื่อเอง เช่น ตัวพิมพ์ในหนังสือไม่ชัดเจนภาพโทรทัศน์ไม่คมชัด ภาพพร่ามัว เสียงรบกวนต่างๆ
2. อุปสรรคทางภาษา (Semantic Noise) หมายถึง อุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการใช้ภาษา การใช้คำคลุมเครือไม่ชัดเจน ภาษายาก สำนวนฟัง-อ่านไม่เข้าใจ ทำให้เกิดการตีความหมายผิด
ตวงแสง ณ นคร (2542) ได้แบ่งสิ่งรบกวน (Noise) อันเป็นอุปสรรคในการสื่อความหมายในการถ่ายทอดข่าวสารซึ่งมีผลต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวของการติดต่อสื่อสาร 2 ประเภทคือ
1.สิ่งรบกวนทางจิตใจ เช่น ความหิว ความกระวนกระวาย ความขัดแย้งในประสบการณ์เดิมต่อประสบการณ์ใหม่
2. สิ่งรบกวนภายนอก เช่น เสียงรบกวน เสียงสอดแทรก แสงกระทบรบกวน การจัดที่นั่งไม่เหมาะสมทำให้ดูไม่ชัดฟังไม่ชัด ภาพยนตร์มีรอยขีดข่วนมากทำให้ภาพไม่ชัด เป็นต้น
การป้องกันแก้ไขเพื่อให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปโดยราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุดตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
การติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพอันเป็นเป้าหมายของการสื่อสารนั้น มีองค์ประกอบอันเป็นปัจจัยสำคัญ ที่เกี่ยวข้องสรุปได้ดังนี้
1.ทักษะการติดต่อสื่อสาร (Communication Skill) ของทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสาร หมายถึงความรู้ความสามารถและความชำนาญในการพูด การเขียน การฟัง และการตีความหมาย การเข้ารหัส(Encode) หรือการถอดรหัส(Decode)ของทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสาร ยิ่งมีความรู้ความสามารถมาก ก็ยิ่งทำให้การติดต่อสื่อสารได้ผลดียิ่งขึ้น ใช้เวลาน้อย ทำให้เข้าใจง่ายและเกิดการเรียนรู้ได้เร็วขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้าผู้ส่งและผู้รับสารขาดทักษะหรือความชำนาญในการติดต่อสื่อสาร ก็ย่อมจะทำให้การรับข่าวสารไม่กระจ่างชัดและไม่เกิดประสิทธิภาพในการสื่อสารนั้นๆได้
2.ทัศนคติ (Attitude) เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่มีผลต่อการติดต่อสื่อสาร ทั้งทัศนคติของผู้ส่งสารและผู้รับสารเองซึ่งจะต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเอง และความมั่นใจในเนื้อหาและวิธีการที่จะถ่ายทอด
3. ความรู้ (Knowledge) การติดต่อสื่อสารจะเป็นผลดีขึ้นอยู่กับความรู้ของผู้ส่งสารด้วย ถ้าผู้ส่งสารมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาที่ถ่ายทอดไปยังผู้รับสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าผู้ที่ไม่มั่นใจในเนื้อหาความรู้นั้นทั้งนี้ความรู้ความเข้าใจในเนื้อหายิ่งมีระดับสูงเท่าไหร่ ก็จะมีผลทำให้การถ่ายทอดข่าวสารได้มากขึ้น
4.ลักษณะของสาร การติดต่อสื่อสารจะมีประสิทธิภาพเพียงใดขึ้นอยู่กับลักษณะของสารที่ อันเป็นปัจจัยในการติดต่อสื่อสาร ดังนี้
– เนื้อหาหรือข่าวสารต้องเป็นที่สนใจของผู้รับสาร
– ข่าวสารควรใช้สัญลักษณ์หรือเครื่องหมายที่เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ร่วมของผู้รับสาร ให้เข้าใจง่าย หรือเกิดการเรียนรู้ ภาษา ภาพหรือความคิดรวบยอดต่างๆ ที่เสนอต้องเข้าใจง่าย ไม่สลับซับซ้อนเกินกว่าระดับความสามารถของผู้รับสาร
– ข่าวสารต้องเร้าความต้องการ (Need) ของผู้รับและต้องมีการแนะแนวทางในการสนองความต้องการนั้นๆได้
– ต้องมีการสร้างสภาวะที่ก่อให้เกิดความดึงดูด ความสนใจของผู้รับ (Attention) โดยจะต้องมีวิธีการที่จะกระตุ้นหรือจูงใจให้ผู้รับตื่นตัวอยู่เสมอ มีความพร้อมที่จะรับ
5. การติดต่อสื่อสารเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่จะได้ผลดี ควรมีการกระทำแบบต่อเนื่อง มีความสม่ำเสมอ
6. การติดต่อสื่อสารจะมีประสิทธิภาพเมื่อเลือกใช้ช่องทางหรือสื่อที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับผู้รับสาร การเลือกและการใช้สื่อจะต้องมีระบบ จึงจะทำให้การติดต่อสื่อสารได้ผลดี
7. ควรสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมในการติดต่อสื่อสาร เช่น บรรยากาศแบบเป็นกันเอง มีความอบอุ่น และอิสระเป็นต้น
8. ผู้ถ่ายทอดข่าวสาร ควรจะต้องรู้จักใช้วิธีการแก้ปัญหา อุปสรรคของการสื่อสารต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นการแก้ปัญหาอุปสรรคเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างบุคคลทางกายภาพ เช่น ปัญหาการได้ยิน สายตา การมองเห็นได้ไม่ชัดการรับรู้การตอบสนองต่อสิ่งเร้า รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเทคนิคการสื่อสารในประเด็นย่อยๆ เช่น การขจัดปัญหาการพูดที่ใช้ศัพท์สูงเกินไป การใช้ศัพท์วิชาการสูงเกินไป ปัญหาการอธิบายวกวนปัญหาการพูดเสียงราบเรียบจนน่าเบื่อ เป็นต้น
เอกสารและแหล่งข้อมูลประกอบการค้นคว้า
– ตวงพร ณ นคร . การใช้สื่อการสอน . กรุงเทพ สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ,2542
– เสาวณีย์ สิกขาบัณฑิต .การเขียนสำหรับสื่อการสื่อสาร กรุงเทพ สำนักพิมพ์ดวงกมล , 2540
ข้อมูลจาก : http://www.edtechno.com