คอลัมน์: ครูดี…โรงเรียนเด่น: ‘กอด-กิน-เล่น-เล่า’หลักสูตรฉุกเฉินเด็กป่าอ้อย…ครูปัทมาวดี การหัตถ์
edusiamrath@gmail.com
เปิดเทอมมาเด็กหายไปเกือบ 30-40 คน! เป็นครูประจำชั้นที่ไหนก็ต้องเอะใจแต่กว่าจะสืบสาวราวเรื่องได้ ครูมัธยมอย่าง”ปัทมาวดี การหัตถ์” ก็เข้าปีที่ 3 ของการเรียนการสอนที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 19 อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ
ครูปัทมาวดี เล่าให้ฟังถึงปรากฏการณ์ ตุลาคม 2553 และเริ่มสืบสาวราวเรื่องว่าเด็กหายไปไหน?” จนได้คำตอบว่าเด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้น ป.1 ถึง ม.3 ที่หายไปกว่า 40 คน ต้องอพยพไปตัดอ้อยไปกับพ่อแม่ร่วม 3 เดือน
…ด้วยสภาพครอบครัวและการทำมาหากินของผู้ปกครองนักเรียน มีความยากจน ไม่มีงานทำ จึงต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพเพราะไม่มีที่ทำกิน จึงจำเป็นต้องรับจ้างใช้แรงงานในการไปตัดอ้อยจังหวัดอื่นๆ จึงเป็นเหตุให้ต้องพาลูกหลานวัยเรียนไปด้วยเพื่อแลกเป็นแรงงาน บ้างก็ยังเด็กอยู่ หรือบ้างก็เห็นว่าเข้าวัยรุ่น เกรงจะมีปัญหาหากปล่อยไว้คนเดียว โดยเฉพาะเด็กหญิง ทำให้เด็กไม่ได้เรียนหนังสืออย่างน้อยหนึ่งภาคการศึกษา
“เราทุกข์ใจไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรมีทั้งปัญหาท้องในวัยเรียน ปัญหาเรื่องปากท้อง ก็คิดสงสาร คิดว่า คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นคนดีได้”
ครูปัทมาวดี เล่าให้ฟังระหว่างเว้นว่างจากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งที่ 2 ภายใต้โครงการส่งเสริมนวัตกรรมการเรียนรู้ระดับมัธยมศึกษา ปีที่ 1/2553 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 10 จังหวัดประกอบด้วย สกลนครนครพนม บึงกาฬ หนองคาย มุกดาหารหนองบัวลำภู อุดรธานี เลย ขอนแก่น และกาฬสินธุ์ จำนวน 52 โรงเรียน ที่จัดโดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)
โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 19 (บ้านคำน้อย)ต.ห้วยต้อน อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ เป็นหนึ่งในโครงการที่อยากแก้ปัญหา “เด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้” ให้หมดไป ด้วยการแก้ปัญหาให้ตรงจุด จนเป็นที่มาของโครงการ”เติมเต็มความรู้ เคียงคู่ความรัก นักเรียนจากป่าอ้อย”
เมื่อ “นักเรียน” เลี่ยงไม่ได้ที่จะติดตาม “พ่อแม่” ไปตัดอ้อยเธอจึงคิดหลักสูตร”ฉุกเฉิน” เพื่อให้ลูกศิษย์ได้มีคู่มือเรียนรู้ด้วยตัวเองติดตัวไปด้วยยามต้องย้ายถิ่น ส่วนพ่อแม่ก็ขอทำเป็น “สัญญาใจ” ว่า แม้จะพาลูกไปทำงาน แต่สุดท้ายให้คำมั่นว่าจะให้ลูกกลับมาเรียน
“เมื่อสอบถามจึงรู้ว่าเด็กๆ ต้องย้ายตามพ่อแม่ ไปช่วยตัดอ้อยต่างจังหวัด ปีละประมาณ 40 คน ตั้งแต่ ป.1-ม.3 ก็หายไปเลย 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ ก็เลยเกิดความคิดว่าจะเอาเด็กกลุ่ม 30-40 คนนี่แหละ รอพวกเขากลับบ้านมาสอนเสริมเพิ่มเติม แต่ก็รู้ว่าปัญหาก็ต้องย้อนกลับมาเหมือนเดิม ปีนี้ก็ต้องไปอีก ก็เลยทำข้อตกลงกับผู้ปกครองที่จะไปทั้ง 46 คน แล้วก็ฝากเป็นแบบฝึกหัดบทเรียนให้ชุดสื่อสถานการณ์ฉุกเฉินโครงการส่งเสริมการอ่านกับการแก้ปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ให้เด็กติดตัวไป หากใครมีน้องก็ให้ตัวเองทำตัวเป็นพี่คอยสอนน้องด้วยอีกคนหนึ่ง เมื่อกลับมาก็จะมีครูจิตอาสาส่วนหนึ่ง และพี่ก็คอยช่วยสอนน้องๆตอนเย็นตลอด 3 เดือน เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่ขาดไป”
ภายใต้คอนเซปต์”กอด-กิน-เล่นเล่า” จึงทำให้ผู้เรียนทั้ง 31 คนในปีก่อนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 80 โดยเฉพาะทักษะในการอ่านออกเขียนได้ และการคิดคำนวณเป็นทำให้ครอบครัวเริ่มเห็นความสำคัญของการเรียนและพยายามหาทางแก้ปัญหาร่วมกัน
&n
bsp; “ครูก็เชื่อว่าปีนี้ปัญหายังไม่หยุด เด็กป.6 ต้องทำงานแลกเงินวันละ 300 บาทเพื่อใช้หนี้แต่อย่างน้อยๆ เวลาเขาต้องหยุดไป ก็ยังมีคู่มือสอนเขา และเขาก็ได้สอนน้องด้วยตัวเองได้ระหว่างที่ขาดเรียน ซึ่งหวังว่า พ่อแม่ผู้ปกครอง และท้องถิ่นจะร่วมมือหาทางแก้ปัญหาเด็กต้องอพยพไปพร้อมพ่อแม่ เพื่อใช้แรงงานกันอย่างจริงจังต่อไป”
ครูปัทมาวดี กล่าวอย่างมีความหวังว่าจะได้เห็นเด็กๆ ทั้งหมดของเธอได้เรียนรู้ร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตาในชั้นเรียนอีกครั้ง!
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ