“เตชินท์” มุ่งไปสู่ความฝัน เลือกทำในสิ่งที่รัก

 

 

       “เมื่อรู้ความ ฝันว่าตัวเองอยากเป็นอะไร ก็จงขีดเส้นตรงมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ แม้จะต้องเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ยังมีความสุขที่ได้ทำตามฝัน ตามสิ่งที่ตนรัก” ความตั้งใจดังกล่าวนี้ ไม่เป็นเพียงประโยคสวยหรูที่จับต้องไม่ได้ หากเกิดขึ้นเป็นความจริง เหมือนชีวิตของนักร้องนิสิต ม.เกษตรฯ ที่ชื่อ “เตชินท์”

       เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือน นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาศิลปนิเทศ ดนตรีตะวันตก อย่าง “เตชินท์ ชยุติ” ก็จะสำเร็จการศึกษาแล้ว โดยระยะเวลาเรียนในสาขานี้ เกือบ 4 ปีที่ผ่านมาในรั้วนนทรี นักร้องหนุ่มคนดังกล่าวว่า มีความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน “ความเป็นตัวตน ผมเปลี่ยนไป เพราะมีความชัดเจนขึ้นในสิ่งที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบ จากเดิมที่เคยเป็นเด็กนักเรียนแผนวิทย์ เรียนทั้งวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีวฯ ผมก็เครียดหน่อย แต่เมื่อได้มาเรียนในสิ่งที่เป็นตัวเราเอง ก็รู้สึกมีความสุขในการเรียนมากขึ้น เพราะเป็นด้านที่ชอบโดยตรง แต่ความยากก็ยังมีบ้าง เช่น ทฤษฎีดนตรี เนื่องจากผมเน้นเรียนเรื่องการร้องเพลง แต่ถ้าเพื่อนๆที่เล่นเครื่องดนตรีเก่งๆ ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์ แซกโซโฟน จะมีความชำนาญมากในเรื่องตัวโน้ตมาก ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็น เพราะสิ่งเหล่านั้น คือ ข้อสอบในวิชาทฤษฎีดนตรี เมื่อมาเรียนที่สาขานี้แล้ว ผมต้องเรียนรู้เรื่องตัวโน้ต เรื่องเครื่องดนตรีเพิ่มเติมด้วย จากที่เคยเรียนแค่การขับร้องเท่านั้น โดยผมเลือกเรียนวิชาเอกการขับร้องเพลงคลาสสิก โอเปร่า แต่การเรียนสาขาด้านดนตรี ก็ทำให้ได้เรียนรู้เครื่องดนตรีเพิ่มเติม คือ เลือกวิชาโท ไวโอลิน และมีวิชาบังคับเรียน คือ เปียโน”

       นักร้องหนุ่มเผยว่า แม้ตนจะเป็นนักร้องโดยตรง แต่ก็ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเพิ่มเติมมากขึ้นจากการเรียน “สำหรับ ผม ความยากในการเรียน คือ ทฤษฎีดนตรี เพราะสิ่งที่ถนัดมาก่อน คือ การร้องเพลง อย่างไรก็ตาม แม้ผมจะเคยร้องเพลงมานาน แต่เมื่อมาเรียนอย่างจริงจัง ก็ยังพบว่ามีความแตกต่าง เพราะเมื่อก่อนผมก็แค่ฟังเพลง แล้วร้องเพลงไปตามใจ แต่เมื่อมาเรียนในสาขาด้านนี้โดยตรง จึงได้ทราบว่า คำทุกคำที่ร้องออกมานั้น มีตัวโน้ต มีตัวตัดสั้น ตัดยาว มีจังหวะของเพลงตลอด ทำให้ผมเข้าใจเพลงมากขึ้น ทั้งยังได้ฝึกการทำงานกันเป็นทีม เพราะเราต้องเป็นผู้นำในวง ต้องชัดเจนในฐานะนักร้องนำ ถ้าเราเพี้ยน นักดนตรียังเล่นตามเราได้ ดังนั้นนักร้องจึงต้องแม่นยำซึ่งผมก็อาศัยเวลาซ้อมกับเพื่อนๆมานานจึงไปด้วย กันได้ดี”

       เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นนักร้องจากค่ายดัง แต่ยังมีสถานะของความเป็นนิสิต ศิลปินวัยเรียนคนนี้ต้องปรับตัวกับชีวิตที่เปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เตชินท์ บอกว่า “ผมได้เป็นนักร้องประมาณปี 2 ตอนนั้นพอเพื่อนๆรู้ ทุกคนก็มาแสดงความยินดี ตรงนี้จึงไม่ได้รู้สึกแปลกแตกต่างไปจากเดิม บางคนยังมากวนว่า เป็นนักร้องแล้วเหรอ เอาแผ่นมาไรท์หน่อยสิ เรียกว่า ผมยังสนุกสนานกับเพื่อนที่คณะได้เหมือนเดิม

       แต่แน่นอนว่า สิ่งที่ยากขึ้นหลังจากการเป็นนักร้องอาชีพ คือ เรื่องการแบ่งเวลาเรียน จากเดิมที่แค่ตื่นเช้ามาเรียน กับทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัย แล้วก็หมดแค่นั้น แต่เมื่อมีงานเข้ามาด้วย ทำให้บางช่วงผมแทบไม่ได้เรียนเลย อย่างไรก็ตาม ผมติดต่อกับอาจารย์เสมอ ซึ่งท่านก็เข้าใจ ที่สำคัญผมไปขอกับทางค่ายเพลงด้วยว่า ถ้าวันไหนผมมีเรียนวิชาสำคัญขาดไม่ได้จริงๆ ผมขอเรียนก่อน เพราะยังไงเรื่องเรียน คือ สิ่งสำคัญที่สุด และต้องมาก่อน ยิ่งตอนนี้ผมเรียนปีสุดท้ายแล้ว ก็เลือกที่จะเอาเรื่องเรียนไว้ก่อน
       
       ในฐานะนิสิตด้านดนตรี เตชินท์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สาขาด้านนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง “ในชีวิตประจำวัน เมื่อคุณเครียด คุณเล่นดนตรี หรือร้องเพลง คุณย่อมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แต่ถ้าเป็นเรื่องหน้าที่การงานบางคนอาจจะถามว่า เรียนดนตรีไปแล้วจะทำอะไร เรียนไปแล้ว ไปเต้นกินรำกินหรือเปล่า ผมก็ตอบว่า ใช่ครับ พวกเราก็ไปทำแบบนั้นล่ะ เพราะความจริงคนที่มาเรียนดนตรีในภาควิชานี้ ต่างก็เรียนเพราะรักในดนตรี ขอเลือกมาเรียนด้านนี้โดยตรง ผมมองว่า คนเราเก่งทุกอย่างไม่ได้ บางคนไม่สามารถจะไปเก่งด้านวิทยาศาสตร์ แต่ถนัดด้านดนตรีมากกว่า ภาควิชานี้เหมือนเป็นการทำให้พวกเราได้โอกาสทำในสิ่งที่รัก ส่วนเรื่องงานก็หลากหลายครับ มีทั้งเล่นดนตรีตามร้าน เป็นครูสอนดนตรี เป็นนักดนตรี เลือกไปในเส้นทางตามที่ตัวเองต้องการ”
       
       เตชินท์ ชยุติ ยังฝากถึงวัยรุ่นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่า “ผม อยากแนะนำน้องๆว่า ควรมีทิศทาง และเป้าหมายของตนเอง สมัยยังเด็กผมรู้ว่าตัวเองชอบอะไร คือ ชอบร้องเพลง แล้วก็บอกตัวเองว่า ชาตินี้ต้องเป็นนักร้องให้ได้ ผมขีดเส้นตรงเอาไว้เลยว่า เส้นชีวิตของเราต้องพยายามเต็มที่ อยากให้น้อง ม.5 ม.6 ค้นหาตัวเองให้เจอ แล้วมุ่งมั่นพยายาม ชอบอะไรก็เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่จำเป็นต้องมาเรียนดนตรี ไปเรียนอะไรก็ได้ที่ตัวเองรักจริงๆ ถึงแม้ว่าอาจจะต้องล้มลุกคลุกคลานบ้าง เหน็ดเหนื่อยบ้าง แต่ถ้าได้ทำในสิ่งที่ชอบ ย่อมมีความสุขแน่นอนครับ”

แหล่งที่มาของข่าว หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ