เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27
ธันวาคม 2561 พล.อ.สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล
ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เป็นประธานการประชุมปฏิบัติการโรงเรียนในโครงการพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี
ณ โรงแรมราชศุภมิตร (อาร์ เอส โฮเต็ล) จังหวัดกาญจนบุรี

พล.อ.สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล กล่าวว่า
การจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา เป็นนโยบายปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาล
ซึ่งมอบให้กระทรวงศึกษาธิการประกาศจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา 6
พื้นที่ คือ ระยอง (ภาคตะวันออก) สตูล (ภาคใต้) ศรีสะเกษ
(ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เชียงใหม่ (ภาคเหนือ) กาญจนบุรี (ภาคกลาง)
และปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส (ภาคใต้ชายแดน)
เพื่อให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมการศึกษาในทิศทางใหม่ ๆ
และนำนวัตกรรมเหล่านั้นไปใช้ให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่
ในส่วนของจังหวัดกาญจนบุรีนั้น
จากการที่ได้รับฟังรายงานผลการดำเนินงาน
ต้องขอขอบคุณสำหรับความร่วมมือของทุกภาคส่วนในจังหวัดที่บูรณาการการดำเนินงานในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ว่าจะพบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานอยู่บ้าง อาทิ
การขาดแคลนครูผู้สอนและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนขนาดเล็ก,
การพัฒนาสื่ออุปกรณ์การสอน เป็นต้น
ทำให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันพัฒนาการจัดการระบบการศึกษา
เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสถานศึกษาในพื้นที่
การให้ความสำคัญกับการใช้ภาษาไทยให้แตกฉานเชื่อมโยงกับการใช้สื่อและเทคโนโลยี
รวมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคีเครือข่ายเข้ามาช่วยจัดการศึกษาด้วย อย่างไรก็ตาม
สำหรับโรงเรียนที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาในระยะแรก
สามารถศึกษาและเรียนรู้จากโรงเรียนนำร่องที่มีบริบทคล้ายคลึงกัน
เพื่อนำไปปรับใช้ตามแนวทางการดำเนินการและบริบทของพื้นที่ต่อไปได้
นายสมเจต จงศุภวิศาลกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี
กล่าวว่า จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน
โดยมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ มีประชากรประมาณ 8.6 แสนคน
และเนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่ ทำให้มีความแตกต่างในหลายส่วน
ทั้งด้านภูมิประเทศที่เป็นภูเขา แม่น้ำ ที่สูง ชุมชนเมือง
ที่ดินอุดมสมบูรณ์และแห้งแล้ง ด้านอาชีพ และด้านเชื้อชาติ
ซึ่งในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ
ของจังหวัดกาญจนบุรีกว่า 8 ล้านคนต่อปี ทำให้เกิดธุรกิจบริการขึ้น
ดังนั้น หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สามารถจัดการศึกษาให้ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของสังคมในแต่ละพื้นที่ได้
ก็จะทำให้การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของจังหวัดกาญจนบุรีดำเนินการได้ดียิ่งขึ้น
นายวิทยาเกียรติ เงินดี
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1
กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเร่งด่วน
เพื่อพัฒนาคนให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในสภาพสังคมและเศรษฐกิจในศตวรรษที่
21 อย่างไรก็ตาม การยกระดับคุณภาพการศึกษา
ในภาพรวมยังไม่อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ
กระทรวงศึกษาธิการจึงได้จัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาขึ้น
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปและยกระดับคุณภาพการศึกษา
โดยการบริหารงานในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจะมีความคล่องตัวและมีอิสระมากขึ้น
ส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมามีส่วนร่วมจัดการศึกษา พร้อมทั้งพัฒนาครู
บุคลากรทางการศึกษา
และนักเรียนให้สามารถคิดค้นนวัตกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่
และขยายไปยังพื้นที่อื่นในจังหวัดกาญจนบุรีอย่างทั่วถึง

การประชุมในครั้งนี้
ได้มีการหารือและระดมความคิดเห็นกลุ่มย่อย จำนวน 3 กลุ่ม
โดยมีรายละเอียดสรุป ดังนี้
กลุ่มย่อยที่ 1 : การวิเคราะห์กลไกการทำงานในเชิงพื้นที่
มีข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายด้านหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่
การจัดการศึกษาควรมีหลักสูตรที่ยืดหยุ่นตามบริบทของโรงเรียน
พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญประสานงานและติดตามการใช้หลักสูตรในพื้นที่,
ส่วนในด้านสื่อการเรียนการสอนและตำราเรียน
ให้มีการจัดอบรมการผลิตสื่อการเรียนการสอนและนวัตกรรมให้กับครูในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
เพื่อแก้ไขปัญหาสื่อการเรียนการสอนราคาสูง และได้รับหน้งสือเรียนล่าช้า
ซึ่งจะเชื่อมโยงกับนโยบายประเทศไทย 4.0
การพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะในศตวรรษที่ 21 STEM Education เป็นต้น
สำหรับการประเมินผู้เรียน
ให้คำนึงถึงศักยภาพและบริบทของผู้เรียนเป็นหลัก มากกว่าการนำคะแนน O-NET
มาตัดสินเพียงอย่างเดียว
ในส่วนการประเมินโรงเรียนควรให้สถานศึกษาพิจารณาเข้ารับการประเมินตามความพร้อมและศักยภาพของตัวเอง
ในส่วนของบุคลากรและอัตรากำลัง
ควรมีการจัดสรรอัตรากำลังครูให้ทันช่วงเปิดภาคเรียน
หรือบรรจุครูที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่
ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนครูและมีครูไม่ครบตามรายวิชา
เช่นเดียวกับด้านการเงินและงบประมาณที่ยังเบิกจ่ายไม่มีความคล่องตัว
ควรที่จะมีการจัดสรรอัตรากำลังเจ้าหน้าที่การเงิน พัสดุ
และธุรการให้กับโรงเรียน เพื่อลดภาระครูที่ทำหน้าที่ธุรการ
หรือจัดอบรมความรู้ด้านการเงินและพัสดุให้กับครูธุรการในกรณีที่ไม่สามารถจัดสรรอัตราครูได้ทัน
เพื่อลดข้อผิดพลาดในการทำงาน
กลุ่มย่อยที่ 2 :
ระบบและกลไกการหรือการจัดการศึกษาร่วมกันของภาคส่วนในพื้นที่
เสนอให้มีการจัดการศึกษาในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี
โดยคำนึงถึงกรอบหลักสูตรและมาตรฐานตัวชี้วัดต่าง ๆ
พร้อมเน้นการบริหารจัดการแบบ Bottom up และนำกลไกการมีส่วนร่วมเข้ามาใช้
โดยตั้งหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ประสานงานหน่วยงานด้านการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบ
ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงระดับอุดมศึกษา
และกำหนดขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างชัดเจน
โดยประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบขั้นตอนปฏิบัติงานที่ชัดเจน
ด้วยสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งแบบเอกสารและสื่อออนไลน์
สำหรับการบริหารจัดการภายในโรงเรียน ควรดำเนินงานในหลายด้าน อาทิ
การแต่งตั้งคณะกรรมการรับผิดชอบในแต่ละฝ่าย,
การให้อาจารย์มหาวิทยาลัยช่วยดูแลด้านวิชาการ,
การจัดสรรครูอัตราจ้างเพื่อแก้ปัญหาครูขาดแคลน,
การให้สวัสดิการกับครูถิ่นทุรกันดาร,
การพัฒนาครูด้วยการจัดอบรมตามความต้องการของครูในพื้นที่,
แบ่งปันครูวิชาเอกที่ขาดแคลนให้กับโรงเรียนอื่น เป็นต้น
ส่วนด้านวัสดุครุภัณฑ์ สถานศึกษาอาจขอรับการสนับสนุนจากต้นสังกัด
หรือภาคเอกชน พร้อมแบ่งปันการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างสถานศึกษาด้วย
นอกจากนี้
ยังมีแนวทางที่จะให้หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ
ร่วมขับเคลื่อนการจัดการศึกษา เช่น สถาบันครอบครัว
ดูแลเอาใจใส่บุตรหลาน, วัด ร่วมมือกันพัฒนาพฤติกรรมเชิงบวก, ชุมชน
จัดกลุ่มพี่สอนน้องช่วงเย็นในหมู่บ้าน, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) ช่วยดูแลสุขอนามัย, ปราชญ์ชาวบ้าน
จัดสรรเวลาให้ปราชญ์ชาวบ้านมาสอนนอกเวลาเรียน, อุตสาหกรรมจังหวัด
ประสานช่วยเหลือสถานที่ทำงาน, สถานประกอบการภาคเอกชน
สนับสนุนงบประมาณและสถานที่ทำงาน, แรงงานจังหวัด
ให้ข้อมูลด้านตลาดแรงงานเพื่อจัดการศึกษาให้ตรงตามความต้องการ เป็นต้น
กลุ่มย่อยที่ 3 แนวทางขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี
เสนอให้ยึดวิสัยทัศน์ของจังหวัด
"เมืองแห่งการเรียนรู้ที่ทันสมัย จัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ
ทุกภาคส่วนร่วมกันพัฒนา" เป็นหลักในการดำเนินการพร้อม ๆ กับยุทธศาสตร์การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้เรียน,
การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา,
การพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา,
การพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และการบริหารจัดการ โดยมีแนวทางการดำเนินงานในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
ดังนี้
-
การพัฒนาการอ่านการเขียน โดยใช้นวัตกรรมทางการศึกษาที่ประสบผลสำเร็จ
เพื่อพัฒนาทักษะด้านการคิด การอ่าน และการเขียน ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2 สามารถอ่านออกเขียนได้
และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3-6
มีทักษะในการอ่านเขียนอย่างคล่องแคล่ว
- การส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยครูเจ้าของภาษาหรือครูต่างชาติ
เพื่อให้โรงเรียนมีครูชาวต่างชาติสอนภาษาอังกฤษ
เป็นการเตรียมเด็กและเยาวชนในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษสำหรับสื่อสารกับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจังหวัดกาญจนบุรีได้
- ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้โดยใช้ PBL คูณ 2
กล่าวคือ การนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ Project-based Learning และ
Problem-based Learning
มาพัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการคิดริเริ่มและสามารถสร้างนวัตกรรม
ตลอดจนมีแรงจูงใจในการเรียนและพัฒนาความคิดอย่างมีวิจารณญาณ
- การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning และ STEM
Education เพื่อสร้างทักษะที่ทำให้เกิดนวัตกรรม
ซึ่งคาดหวังให้ผู้เรียนมีกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์และนำความรู้ทางเทคโนโลยีมาต่อยอดเป็นนวัตกรรมได้
- การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ
เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะอาชีพตามความถนัดและความสนใจ
พร้อมทั้งมีคุณสมบัติด้านอาชีพตรงตามความต้องการของสถานประกอบการ
โดยร่วมกับเครือข่ายกับสถานประกอบการเพื่อกำหนดกรอบคุณสมบัติของแรงงาน
- ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมโดยใช้ บวร: บ้าน วัด โรงเรียน
ในการดำรงไว้ซึ่งความดีและพัฒนาการศึกษาของประเทศ
รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณธรรมจริยธรรมที่พึงประสงค์
- การรับผู้เรียนเข้าเรียนตามข้อมูลสำมะโนประชากร
ซึ่งจะช่วยลดอัตราเด็กตกหล่น
และทำให้ประชากรวัยเรียนได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ
รวมทั้งส่งเสริมการให้ทุนการศึกษากับเด็กที่ด้อยโอกาส
หรือเด็กที่มีฐานะยากจนแต่มีผลการเรียนดี
การให้ความช่วยเหลือเมื่อผู้เรียนประสบปัญหาด้านต่าง ๆ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดอัตราเด็กออกกลางคันและจำนวนเด็กกลุ่มเสี่ยงลงได้
-
สนับสนุนให้สถานศึกษาเข้าถึงเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่างทั่วถึง
เพื่อให้ผู้เรียนสามารถค้นคว้าหาความรู้
และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย
-
ส่งเสริมให้ครูได้รับการพัฒนาสำหรับการจัดการเรียนการสอน
โดยการเข้าร่วมชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพหรือ Professional Learning
Community: PLC ที่จะช่วยแก้ปัญหาคุณภาพผู้เรียน
พร้อมส่งเสริมให้ครูออกแบบการจัดการเรียนรู้และการประเมินผลที่ตอบสนองความแตกต่างของผู้เรียน
และส่งเสริมการทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนานวัตกรรมในชั้นเรียนด้วย
-
ส่งเสริมให้สถานศึกษาพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
เพื่อให้มีหลักสูตรที่สอดคล้องและนำไปใช้ในพื้นที่ได้อย่างมีคุณภาพ
พร้อมทั้งจัดให้มีการประเมินผลการใช้หลักสูตร
ตลอดจนส่งเสริมให้มีการจัดทำสาระการเรียนรู้พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ
-
การนำต้นทุนนวัตกรรมการศึกษาที่จังหวัดกาญจนบุรีมีอยู่แล้วมาปรับใช้
อาทิ ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโรงเรียนบ้านท่าแย้
อำเภอด่านมะขามเตี้ย, การพัฒนาคุณธรรม 3 ทำ นำ 3 จิต
โรงเรียนบ้านหนองตาบ่ง อำเภอท่าม่วง โดยมีครูจิตอาสา ชุมชนจิตอาสา
และยุวชนจิตอาสา, นวัตกรรมห้องเรียน QR Code โรงเรียนบ้านห้วยน้ำขาว
อำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยนักเรียนสามารถเรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ ผ่านการสแกน
QR Code ทำให้เด็กเรียนที่ไหนก็ได้เวลาใดก็ได้
เป็นการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นต้น





















Written by
ทิพย์สุดา ศรีษะแก้ว, อรพรรณ ฤทธิ์มั่น
Photo Credit
ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี
Rewriter
นวรัตน์ รามสูต
Editor
บัลลังก์ โรหิตเสถียร