รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ "นพ.อุดม
คชินทร" เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษา นัดที่ 2 เปิดตัว
'ณรงค์ศักดิ์ ภูมิศรีสอาด' ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ
รับรองร่างมาตรฐานการศึกษาชาติ และอนุมัติ 78
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาครบทุกจังหวัด

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม
2561
ศาสตราจารย์คลินิก นพ.อุดม คชินทร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
โดยได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษา (กกส.) ครั้งที่ 2/2561
โดยเลขาธิการสภาการศึกษา (ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์)
รองเลขาธิการสภาการศึกษา (ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์) รองเลขาธิการสภาการศึกษา
(ดร.สมศักดิ์ ดลประสิทธิ์) พร้อมผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)
ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมกำแหง พลางกูร ชั้น 3 อาคาร 56 ปี สกศ.
ที่ประชุมได้รับทราบการแต่งตั้ง กกส.ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ คือ
นายณรงค์ศักดิ์ ภูมิศรีสอาด ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งแทน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล
ที่ลาออกไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้
มีการพิจารณาวาระสำคัญ อาทิ
- เห็นชอบรับรองร่างมาตรฐานการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ....
ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.
2560 มาตรา 54 ที่ระบุว่า
การศึกษาทั้งปวงต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ
สามารถเชี่ยวชาญได้ ตามความถนัดของตน และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว
ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ภายใต้กรอบแนวคิดสำคัญ 1) บุคคลผู้เรียนรู้ 2)
ผู้ร่วมสร้างสรรค์สังคม 3) ผู้มีความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง
โดยมุ่งเน้นการสร้างมาตรฐานครู 4.0 ลดภาระครูในการประเมินวิทยฐานะเพื่อสร้างลักษณะคนไทยที่พึงประสงค์ในอนาคต
นำไปใช้เป็นกรอบการจัดการศึกษา
การวัดผลและประเมินผลทั้งตัวครูและผู้เรียนบูรณาการกับแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ
20 ปี (พ.ศ. 2560 - 2579) เชื่อมโยงกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (NQF)
และแนวทางจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต และสรุปวาระที่ กกส.ได้ให้ความเห็นชอบรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี
(ครม.) พิจารณาต่อไป
ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า หาก ครม.
เห็นชอบร่างมาตรฐานการศึกษาแห่งชาติแล้ว สกศ.พร้อมขับเคลื่อนมาตรฐานการศึกษาแห่งชาติลงไปสู่การปฏิบัติทุกระดับและทุกประเภทการศึกษาเพื่อพัฒนามาตรฐานแต่ละสถานศึกษา
รวมถึงการปรับหลักสูตรฐานสมรรถนะและคุณภาพผู้เรียนตามแนวทางรัฐธรรมนูญฯ
และแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.
2560 - 2579
-
เห็นชอบการจัดตั้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเพิ่มเติมจำนวน 36
เขต จากที่มีอยู่เดิม 42 เขต
โดยยึดเขตปกครองจังหวัดเป็นพื้นฐาน
จึงมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาครบทุกจังหวัด รวมทั้งสิ้น 78
เขต กำหนดให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) มี 2 เขตพื้นที่การศึกษา
เนื่องจากมีจำนวนนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในสังกัดมากกว่า 250,000 คน
ที่ไม่ซ้ำซ้อนอำนาจหน้าที่กับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ทั้งนี้
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
เสนอใช้วิธีการเกลี่ยกรอบอัตราทรัพยากรทั้งด้านวัสดุ อุปกรณ์
อาคารที่ดินสิ่งก่อสร้าง
รวมทั้งบุคลากรเดิมที่มีอยู่ให้สามารถปฏิบัติงานได้ตามภารกิจและปริมาณงานที่เหมาะสม
โดย กกส. ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย
ให้ข้อเสนอแนะและตั้งข้อสังเกตเรื่องอำนาจหน้าที่ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา
ซึ่งต้องไม่เพิ่มอัตราบุคลากรและเพิ่มการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
สนับสนุนการปฏิรูปการศึกษาในพื้นที่ห่างไกลกัน
เพื่อลดความสิ้นเปลื้องงบประมาณสำหรับการจัดตั้งสำนักงานเขตพื้นที่ดังกล่าว
และขอให้ สพฐ.
รายงานผลการดำเนินงานปฏิรูปการศึกษาและคุณภาพการศึกษาของผู้เรียนให้ กกส.
พิจารณาเป็นระยะ
-
เห็นชอบแนวทางอุดหนุนเงินค่าใช้จ่ายรายหัวแก่ผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ซึ่งจัดโดยบุคคล องค์กรวิชาชีพ องค์กรชุมชนและองค์กรเอกชน
และลดหย่อนภาษีและยกเว้นภาษีแก่ผู้จัดการศึกษา ตามมาตรา 12
แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับการจัดสรรเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวให้แก่ผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยครอบครัวคือ
ระดับปฐมวัย ได้รับเงินอุดหนุน 7,192 บาท ระดับประถมศึกษา
ได้รับเงินอุดหนุน 7,362 บาท ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ได้รับเงินอุดหนุน
10,276 บาท และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้รับเงินอุดหนุน 10,606 บาท
และได้รับการลดหย่อนและยกเว้นภาษีแนวทางเดียวกับที่รัฐให้การสนับสนุนการศึกษาเอกชน
ทั้งนี้ กกส. ให้ข้อเสนอแนะผู้แทน สพฐ.
ควรศึกษาแนวทางการใช้วงเงินอุดหนุน ประมาณการวงเงินโดยรวมที่ชัดเจน
และมีกระบวนการตรวจสอบการใช้เงินที่เข้มงวดและสกัดกั้นการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ
- เห็นชอบร่างกฎกระทรวง กำหนดจำนวนกรรมการ
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ
วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการในคณะกรรมการอาชีวศึกษา
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ การปรับเปลี่ยนคณะกรรมการ
(บอร์ด) อาชีวศึกษาให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
ซึ่งกำหนดองค์ประกอบบอร์ดอาชีวศึกษามีจำนวนไม่เกิน ๓๒ คน
แบ่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน 7 คน (ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ) กรรมการผู้แทนองค์กรเอกชน จำนวน 3 คน
กรรมการผู้แทนองค์กรวิชาชีพ จำนวน 1 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
จำนวนไม่น้อยกว่า 17 คน แต่ไม่เกิน 19 คน
ซึ่งแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเลือกประธานบอร์ดฯ
จากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
เป็นกรรมการและเลขานุการบอร์ดฯ โดย กกส. เสนอแนะให้เชิญปลัดกระทรวงแรงงาน
และปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม มาเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
หรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
เพื่อสร้างความเชื่อมโยงการรองรับวิชาชีพด้านอุตสาหกรรม
และศึกษาข้อกฎหมายเพิ่มเติม

ทั้งนี้
ก่อนเริ่มการประชุม กกส.นั้น
สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) นำโดย ดร.รัชชัยย์
ศรสุวรรณ นายกสมาคมฯ พร้อมมวลชน 300 คน
ตัวแทนผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศ
เดินทางมาชุมนุมแสดงพลังและให้กำลังใจ ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์อุดม
คชินทร และ กกส.
พิจารณาเรื่องเพิ่มเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาให้ครบทุกจังหวัด
ขอบคุณเนื้อหาจาก
ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์
Photo Credit สกศ.
Editor
บัลลังก์ โรหิตเสถียร