ศธ. จัดงานวันครู ครั้งที่ 62 “เฉลิมรัชสมัย ครูไทยพัฒนา”
กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา จัดพิธีการงานวันครู ครั้งที่ 62 พ.ศ.2561 “เฉลิมรัชสมัย ครูไทยพัฒนา” เมื่อวันอังคารที่ 16 มกราคม 2561 ณ หอประชุมคุรุสภา โดยได้รับเกียรติจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงาน พร้อมคารวะครูอาวุโส มอบรางวัลครู และกล่าวปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันครู และมี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศธ. พร้อมด้วย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศธ. ผู้บริหารฝ่ายการเมือง ผู้บริหารองค์กรหลัก คณะกรรมการคุรุสภา คณะอนุกรรมการจัดงานวันครู ข้าราชการ ครู และบุคลากรทางการศึกษา เข้าร่วมจำนวนมาก
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวรายงานการจัดงานว่า สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาจัดงานวันครูขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2500 และจัดงานวันครูอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้เป็นการจัดงานวันครู ครั้งที่ 62 มีวัตถุประสงค์การจัดงาน 5 ประการ ได้แก่ เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10, เพื่อระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์, เพื่อส่งเสริมยกย่องเชิดชูเกียรติครู และพัฒนาวิชาชีพครู, เพื่อส่งเสริมสามัคคีธรรม ความร่วมมือ ความเข้าใจอันดีระหว่างครู และครูกับประชาชน, เพื่อธำรงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ
โดยการจัดงานวันครูปีนี้ กำหนดจัดงานวันครูพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ ในส่วนกลางจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-17 มกราคม 2561 ณ หอประชุมคุรุสภา และในส่วนภูมิภาค มีการจัดสัปดาห์วันครู ระหว่างวันที่ 11-17 มกราคม 2561 ในสถานศึกษาทั่วประเทศ ด้วยความร่วมมือของศึกษาธิการจังหวัดและสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร โดยมีกิจกรรมหลัก อาทิ การเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10, การระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์และพระคุณครู, กิจกรรมเสวนาทางวิชาการ, การมอบรางวัลเชิดชูเกียรติครูและบุคคลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาเนื่องในงานวันครู มีใจความตอนหนึ่งว่า การจัดงานวันครู ครั้งที่ 62 พ.ศ.2561 ในครั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 พร้อมทั้งรำลึกถึงพระคุณครู และยกย่องเชิดชูเกียรติวิชาชีพครู และถ้ามีโอกาสก็จะมาร่วมงานทุกครั้ง เพราะส่วนตัวแล้วก็อยู่ในครอบครัวครูมาตลอดเช่นกัน
โดยต้องยอมรับว่า ครูในอดีตมีชีวิตแตกต่างจากครูสมัยนี้มาก ต้องเหน็ดเหนื่อยและเตรียมการสอน พร้อมกับต้องดูแลครอบครัวไปด้วย แต่ครูในปัจจุบันต้องเผชิญภาวะต่าง ๆ ที่หนักหน่วงกว่าเดิม จึงขอให้ครูทุกคนเชื่อมั่นในจิตวิญญาณของความเป็นครู มีศรัทธาซึ่งกันและกันระหว่างครูกับนักเรียน และสร้างความเชื่อมั่น ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างผู้เกี่ยวข้องด้านการศึกษา เพราะศรัทธาจะเป็นบ่อเกิดของความสำเร็จทุกอย่าง พร้อม ๆ กับควรเรียนรู้อุปสรรคเพื่อนำมาเป็นบทเรียนในการแก้ปัญหา นำไปสู่การเป็นคนไทยที่สมบูรณ์พร้อม สามารถเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคโลกาภิวัตน์ด้วย
ดังนั้น รูปแบบการเรียนการสอนของครูยุคนี้ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ นอกจากจะต้องสอนให้เด็กมีความรู้ทางวิชาการที่หลากหลายทั้งในประเทศ ประเทศเพื่อนบ้าน และในสังคมโลกแล้ว ต้องพัฒนาจิตใจและสร้างภูมิคุ้มกันด้านต่าง ๆ ให้กับเด็กด้วย โดยครูต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นครูตลอด 24 ชั่วโมง มีความเข้าใจความเป็นคนไทย ที่มีอารมณ์ศิลปิน เมื่อรักก็จะรักมากและหากไม่ชอบก็ไม่ชอบมากเช่นกัน ลักษณะเช่นนี้คือสังคมและครอบครัวไทย ความเป็นไทยนิยม เราจึงต้องมีความเข้าใจเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาชาติและเข้าใจประชาธิปไตยร่วมกัน
ในเรื่องของการศึกษา มิใช่เรื่องที่ให้ความสำคัญเฉพาะครูและนักเรียนเท่านั้น แต่เป้าหมายของการศึกษา คือสอนและส่งต่อเด็กไปสู่ระดับที่สูงขึ้นให้ได้ โดยต้องทำให้เด็กรู้จักตนเอง รู้ความต้องการ และรู้ว่าอยากเป็นอะไรตั้งแต่แรก เพื่อจะได้เลือกเรียนและวางแผนได้อย่างถูกต้อง หากเด็กรู้ตัวตนช้า หรือรู้เมื่อเรียนในระดับที่สูงแล้วก็จะไม่ทันการณ์ เพราะอาจเลือกเรียนในสิ่งที่ง่าย แต่จบแล้วไม่มีงานทำ เรียนในด้านที่ไม่ได้ชอบ จะกลับไปเรียนใหม่ก็ไม่ได้ ดังนั้น ครูต้องติดตามสถานการณ์บ้านเมือง ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ผลิตคนให้มีอาชีพ ปั้นแต่งลูกศิษย์ได้อย่างตรงจุด รวมทั้งสอนให้เรียนรู้ มีหลักคิดอย่างมีวิสัยทัศน์ และสิ่งสำคัญคือสร้างคนดีให้สังคมไทย
นโยบาย Thailand 4.0 เป็นนโยบายที่แปลงมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4 ในความหมายของตนต้องการให้มุ่งเน้น “ปัญญาประดิษฐ์” คือการสร้างปัญญาให้กับคนไทยทุกยุคตั้งแต่ 1.0 – 4.0 ให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เพราะทุกคนทุกอาชีพล้วนมีปัญญาด้วยกันทั้งสิ้น เพียงขอให้รู้จักคิดและพร้อมที่จะพัฒนาตนเอง พัฒนาอาชีพของตน ก็ถือว่าได้ก้าวไปสู่ยุค 4.0 แล้ว ซึ่งทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญต่อการเดินหน้าประเทศทั้งในการขับเคลื่อนนโยบาย โครงการ และกิจกรรมต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ที่จะส่งผลต่อการขาดแคลนแรงงาน จึงขอให้ทุกคนเร่งพัฒนาตนเอง เพราะ “ทุกคนล้วนมีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาทั้งสิ้น ทั้งพัฒนาตนเอง พัฒนางาน พัฒนาเด็ก พัฒนาชุมชน จังหวัด และประเทศ” ควบคู่กับการส่งเสริมให้เด็กเรียนอาชีวะมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังคนด้านทักษะวิชาชีพ จบแล้วมีงานทำ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ต้องหารือร่วมกัน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาและเกลี่ยคนจบการศึกษาทั้งสองส่วนในสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน
ในเรื่องของการปฏิรูปการศึกษานั้น ควรปรับแก้จากภายในก่อน กล่าวคือต้องหันกลับมาดูตัวเอง เพื่อพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน จากนั้นจึงรับฟังผู้อื่น หารือร่วมกัน จึงจะได้ข้อยุติในที่สุด ซึ่งรัฐบาลมุ่งหวังให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาอย่างแท้จริง โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ไปที่ “เด็ก ผู้ปกครอง สังคม จะได้อะไรจากครู” ส่วนครูต้องคิดก่อนว่าจะทำอะไรเพื่อศิษย์ได้บ้าง ที่จะเกิดศรัทธาระหว่างกันในการเรียนการสอน ให้เด็กอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีงานทำ แข่งขันได้ในโลกอนาคต
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบรางวัลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ ประจำปี 2561 จำนวน 7 คน, รางวัลคุรุสภา “ระดับดีเด่น” จำนวน 9 คน และรางวัล “ยอดครูผู้มีอุดมการณ์” จำนวน 4 คน ดังนี้
– รางวัลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ ประจำปี 2561
1) พระศรีธรรมภาณี: กำลังสำคัญในการทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาและการศึกษาของชาติ
2) พระพิศาลประชานาถ: เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งมูลนิธิศรีรัตนโกสินทร์ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไต
3) ศาสตราจารย์กิตติคุณสมหวัง พิธิยานุวัฒน์: ราชบัณฑิตและปูชะนียาจารย์ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติทางการศึกษาคนแรกของประเทศไทย
4) รศ.มังกร ทองสุขดี: ผู้นำแนวคิดนโยบายการศึกษาสู่การปฏิบัติและเกิดประโยชน์แก่ประเทศ เช่น โครงการฝึกหัดครูชนบท วิทยาลัยชุมชน เป็นต้น
5) ผศ.ปรางศรี พณิชยกุล: ครูผู้ให้และครูผู้สร้าง แม้ขณะดำรงตำแหน่งอธิการบดี ยังทำหน้าที่สอนให้แก่นักเรียนในต่างจังหวัดโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
6) นายสุเมธ แย้มนุ่น: ผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดทำแผนอุดมศึกษาระยะยาว 15 ปี โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น และวางระบบบริหารสถาบันพระบรมราชชนก
7) วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์: สถาบันผลิตบุคลากรภาคธุรกิจสู่มืออาชีพ เป็นสถานศึกษาต้นแบบ “Excellent Model” สาขาวิชาธุรกิจค้าปลีก
– รางวัลคุรุสภา “ระดับดีเด่น” ประจำปี 2560
1) นางกันยา โพธารินทร์ รร.บ้านโนนงาม จ.อำนาจเจริญ: ผู้เป็นครูทุกวินาที สร้างสรรค์นิทานคุณธรรมส่งเสริมการเรียนรู้แก่ผู้เรียน
2) นายพรนิรัตน์ ลีสุรพงศ์ รร.บ้านทุ่งมะขามป้อม จ.ตรัง: ครูผู้มีพรสวรรค์ด้านศิลปะ ทุ่มเทและสร้างโอกาส ทำให้เด็กค้นพบศักยภาพตน
3) นางพรพิมล บุญโคตร รร.ดอยสะเก็ดวิทยาคม จ.เชียงใหม่: ครูผู้เสียสละทุ่มเท ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะชีวิตและค้นพบเส้นทางอาชีพ
4) นางอรุณ บุญฤทธิ์ รร.บ้านหน้าทอง จ.สงขลา: ครูผู้คิดค้นสร้างสรรค์สื่อจากสิ่งใกล้ตัว เพื่อส่งเสริมพัฒนาเด็กปฐมวัย และเป็นผู้ได้รับรางวัลครูขวัญศิษย์ประจำปี 2560 จากมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี
5) นางสาวอาภร กันตังกุล รร.กาญจนาภิเษกวิทยาลัย สุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี: ครูผู้คิดค้นนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ภาษาไทยสำหรับผู้เรียนและเพื่อนครู และสร้างแรงบันดาลใจด้านภาษาไทยอย่างถูกต้อง
6) นางสมพร หวานเสร็จ ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ ศูนย์การศึกษาพิเศษส่วนกลาง กรุงเทพฯ: พัฒนาระบบการสอนแบบมีโครงสร้าง และการใช้ระบบกล่องงานสำหรับนักเรียนออทิสติก รูปแบบการช่วยเหลือระยะเริ่มแรก
7) นายอภิวัฒน์ แสนคุ้ม ผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ รร.อนุบาลศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ: พัฒนาระบบการทดสอบผู้เรียน School Test จัดการศึกษาที่บูรณาการความรู้ใน 4 สหวิทยาการ ควบคู่ไปกับ Anuban Sisaket Model
8) นายอโณทัย ไทยวรรณศรี ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาเชี่ยวชาญ สพป.ตาก เขต 2: สร้างระบบป้องกันการทดแทนครู และจัดรูปแบบการบริหารความเสี่ยงต่อความมั่นคง
9) นางธัญยธรณ์ สวโรจน์เตโชกิจ ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ สพป.ชัยภูมิ เขต 1: บริหารจัดการโครงการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ โดยใช้กระบวนการ CIPP Model และ NPS Model และศูนย์ Peer center ตลอดจนพัฒนางานนิเทศแบบออนไลน์
– รางวัล “ยอดครูผู้มีอุดมการณ์”
ภาคเหนือ: นายวุฒิศักดิ์ เหล็กคำ ผอ.รร.ราชประชานุเคราะห์ 57 จ.เพชรบูรณ์: จัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดารและยากจนทั้งชาวไทยภูเขาและพื้นที่ราบ จัดให้นักเรียนอยู่ประจำกินนอนแบบสหศึกษา พัฒนานักเรียนให้สามารถอ่านเขียนภาษาไทยได้ถูกต้อง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: ร้อยตำรวจโทกำจัด ผาใต้ ครูใหญ่ รร.ตำรวจตระเวนชายแดนค็อกนิสไทยฯ: นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการบริหารจัดการโรงเรียน และสนองงานโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทั้ง 8 โครงการ
ภาคกลาง: นางเบญจมาศ วัยนิพิฐพงษ์ ผอ.รร.บ้านห้วยกบ สพป.กาญจนบุรี เขต 3: จัดการเรียนการสอนบนฐานวัฒนธรรมชุมชนเพื่อแก้ปัญหาการใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร ช่วยเหลือดูแลนักเรียนที่ไร้สัญชาติและขาดโอกาสทางการศึกษา และจัดที่พักให้นักเรียนในโรงเรียน
ภาคใต้: นายอุดม ชูอ่อน ผอ.รร.บ้านช่องแมว สพป.ปัตตานี เขต 3: สานสัมพันธ์ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน จัดสภาพแวดล้อมในโรงเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ช่วยเหลือดูแลนักเรียนด้วยโครงการอาหารเช้าและกลางวัน
ศุภลักษณ์ แจ้งใจ, อรพรรณ ฤทธิ์มั่น: สรุป
นวรัตน์ รามสูต: เรียบเรียง
อิทธิพล รุ่งก่อน,ยุทธพงศ์ เลือกกลั่นดี : ถ่ายภาพ
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานรัฐมนตรี: รายงาน
16 มกราคม 2561